บางกอกแอร์เวย์ส มั่นใจล็อตเต้แกร่ง สู้ดิวตี้ฟรี2สัญญา

แฟ้มภาพ
“บางกอกแอร์เวย์ส” ยันผนึก “ล็อตเต้” ทุ่มประมูลดิวตี้ฟรีทั้งสุวรรณภูมิ-3 สนามบินภูมิภาค มั่นใจพาร์ตเนอร์แกร่ง เงินทุนพร้อม เผยคู่แข่งทุกรายน่ากลัว แต่ลงสนามแล้วต้องสู้ให้ถึงที่สุด

นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA ผู้บริหารสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทร่วมลงทุน (joint venture) กับกลุ่มบริษัทล็อตเต้ ดิวตี้ฟรี ผู้บริหารดิวตี้ฟรีภายใต้แบรนด์ “ล็อตเต้” ในสัดส่วน 50 : 50 สำหรับเข้าร่วมประมูลโครงการดิวตี้ฟรี โดยครั้งนี้บริษัทพร้อมเข้าร่วมประมูลพื้นที่ดิวตี้ฟรีทั้ง 2 สัญญา คือ สนามบินสุวรรณภูมิ และ 3 สนามบินในภูมิภาค (ภูเก็ต, เชียงใหม่ และหาดใหญ่)ที่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ที่ขณะนี้มาถึงขั้นการประกาศพันธมิตรร่วมค้า (8 พ.ค. 62) และมีกำหนดให้ยื่นซองประมูลในวันที่ 22 พฤษภาคม 2562 นี้

โดยมองว่ากลุ่มล็อตเต้ฯเป็นผู้ประกอบการดิวตี้ฟรีข้ามชาติที่แข็งแกร่ง บริหารดิวตี้ฟรีประสบความสำเร็จมาแล้วจำนวนมาก และยังเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญตลาดในภูมิภาคเอเชีย ที่สำคัญ ยังเป็นผู้ประกอบการที่มีแนวคิดในการทำธุรกิจไปในทิศทางเดียวกับกลุ่มบางกอกแอร์เวย์สอีกด้วย

“ก่อนหน้านี้ ทางเราได้คุยกับผู้ประกอบการดิวตี้ฟรีหลายราย รวมถึงในยุโรปด้วย แต่ที่เลือกล็อตเต้ฯเพราะว่าเราคิดคล้าย ๆ กัน ขณะเดียวกัน ล็อตเต้ฯยังมีความเข้าใจตลาด และเข้าใจพฤติกรรมนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี ทำให้รู้ว่าลูกค้ามีความต้องการสินค้าประเภทไหน อย่างไร” นายพุฒิพงษ์กล่าวและว่า นอกจากความพร้อมด้านพาร์ตเนอร์แล้ว บริษัทยังได้เตรียมความพร้อมด้านเงินทุนไว้แล้วด้วยเช่นกัน

นายพุฒิพงษ์กล่าวต่อไปว่า กรณี ทอท.แบ่งสัญญาดิวตี้ฟรีสำหรับการประมูลครั้งนี้ออกเป็น 2 สัญญานั้น ถือเป็นการเปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการรายใหม่มีโอกาสเข้าร่วมแข่งขันได้มากขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม แม้ว่าธุรกิจดิวตี้ฟรีจะยังคงเป็นธุรกิจใหม่สำหรับบางกอกแอร์เวย์ส และคู่แข่งทุกรายมีความน่ากลัวหมด แต่เมื่อลงสนามแข่งขันแล้ว บริษัทก็พร้อมสู้อย่างเต็มที่ในทั้ง 2 สัญญา โดยมองว่าธุรกิจดิวตี้ฟรีมีโอกาสเติบโตสูงตามแนวโน้มการขยายตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ

“ถ้าดูแนวโน้มของธุรกิจสายการบินซึ่งเป็นธุรกิจหลัก มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ราว 60% ของกลุ่มบางกอกแอร์เวย์ส แต่เราก็ต้องยอมรับว่าในช่วง 3-4 ที่ผ่านมา การเติบโตด้านรายได้และกำไรของธุรกิจสายการบินมีการลดลงอย่างชัดเจน เนื่องจากการแข่งขันที่สูงขึ้น ขณะที่ต้นทุนการบริหารงานก็สูงขึ้น รูปแบบและไลฟ์สไตล์การเดินทางของนักเดินทางท่องเที่ยวก็เปลี่ยนไป ดังนั้น ธุรกิจสายการบินจึงไม่ใช่ธุรกิจที่จะสร้างกำไรได้มากเหมือนเมื่อหลายปีก่อน” นายพุฒิพงษ์กล่าว และว่า

จากแนวโน้มดังกล่าวนี้ ทำให้บริษัทหันมาโฟกัสในธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับสายการบินให้มากขึ้น อาทิ การประมูลโครงการดิวตี้ฟรี, การร่วมประมูลโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก เป็นต้น

นายพุฒิพงษ์กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า สำหรับปี 2561 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวม 2.79 หมื่นล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิ 249.3 ล้านบาท โดยในส่วนของรายได้รวมนั้นแบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจสายการบิน 73.3% ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสนามบิน 14.6% ธุรกิจสนามบิน 2.1% และอื่น ๆ อีก 10%

ทั้งนี้ หากบริษัทมีโอกาสได้บริหารโครงการดิวตี้ฟรีและโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา ก็น่าจะช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้ในส่วนของธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับสนามบินเพิ่มขึ้น และลดสัดส่วนรายได้หลักจากธุรกิจสายการบินลง ซึ่งจะเป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทอยากเพิ่มรายได้ที่เกี่ยวเนื่องกับสนามบินในอนาคตให้มีสัดสวนเพิ่มมากขึ้นด้วย

คลิกอ่านเพิ่มเติม… ทอท. เปิดโฉมหน้า “เอกชน-JV” ร่วมชิงดำประมูลดิวตี้ฟรี-พื้นที่เชิงพาณิชย์สุวรรณภูมิ

 

ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลยพิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat 

หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!