“มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก” ขอโทษกรณีข้อมูลผู้ใช้รั่วไหลยันจะไม่พลาดอีก

มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเฟซบุ๊ก ออกมาเคลื่อนไหวเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา หลังเกิดข่าวฉาวกรณีผู้บริหารบริษัทเคมบริดจ์ อนาไลติกา ของอังกฤษออกมาอ้างว่าสามารถนำข้อมูลบางส่วนของผู้ใช้เฟซบุ๊กกว่า 50 ล้านรายไปใช้ เพื่อโน้มน้าว จูงใจ ให้เกิดการเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้รับสาร โดยอ้างผลงานจากความสำเร็จในการช่วยทีมรณรงค์หาเสียงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ให้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐครั้งที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดกระแสต่อต้านเฟซบุ๊กเป็นวงกว้าง ขณะที่ราคาหุ้นเฟซบุ๊กดิ่งลงอย่างหนัก

โดยนายซัคเคอร์เบิร์ก ได้ออกมาขอโทษผู้ใช้งานผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจโดยระบุว่า บริษัทมีความรับผิดชอบในการปกป้องข้อมูลของผู้ใช้งาน และว่าหากไม่เป็นชั้นนั้น เฟซบุ๊กก็ไม่สมควรจะได้รับความเชื่อมั่นในการใช้งานจากผู้ใช้ทุกคน

ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กระบุอีกว่า เฟซบุ๊กจะตรวจสอบแอปพลิเคชั่นทุกตัวที่เข้าถึงข้อมูลจำนวนมาก และจะตรวจอย่างละเอียดหากมีสิ่งใดน่าสงสัยและว่า การดำเนินการที่สำคัญเพื่อป้องกันเหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่ให้เกิดขึ้นอีกนั้น เฟซบุ๊กได้เริ่มทำมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน

“แต่เราก็ทำผิดพลาดด้วยเช่นกัน ยังมีสิ่งที่ต้องทำอีกมาก และเราต้องเพิ่มความพยายามและทำมัน” ซัคเคอร์เบิร์กระบุ

ซีอีโอของเฟซบุ๊กให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็นในวันเดียวกันด้วยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นความผิดฐานละเลยการดูแลผลประโยชน์ของผู้ใช้งานเฟซบุ๊กครั้งใหญ่ และหน้าที่ของเราตอนนี้ก็คือสร้างความเชื่อมั่นว่าความผิดพลาดครั้งนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก

ทั้งนี้ซัคเคอร์เบิร์กระบุด้วยว่า เฟซบุ๊กได้มีการเปลี่ยนแปลงในปี 2014 เพื่อแก้ปัญหาแอปพลิเคชั่นอันตราย ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวป้องกันไม่ให้แอปใดๆก็ตามอย่างเช่น แอปที่เชื่อมโยงกับเคมบริดจ์อนาไลติกา นั้นสามารถเข้าถึงข้อมูลจำนวนมากในวันนี้ นอกจากนี้เจ้าของบริษัทโซเชียลเน็ตเวิร์คชื่อดังยังระบุด้วยว่า ตนพร้อมที่จะเข้ารับการไต่สวนในสภาคองเกรสสหรัฐ และตนไม่คัดค้านหากจะมีการออกกฎหมายควบคุมเฟซบุ๊กต่อไป

 

ที่มา : มติชนออนไลน์