สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ที่ผ่านมา “ไมโครซอฟท์” รายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาดในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ล่าสุดมีมูลค่าในตลาดหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ กลายเป็นหนึ่งในสามบริษัทมหาชนของสหรัฐอเมริกาที่ทำรายได้ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐขึ้นไป อีกสองบริษัทคือ “แอปเปิล” และ “อะเมซอน”
ในปีที่ผ่านมามูลค่าของไมโครซอฟท์เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดถึง 3 เท่า จากการเติบโตขึ้นของธุรกิจการให้บริการจัดเก็บข้อมูลหรือ “คลาวด์” ทำให้ในไตรมาสสุดท้ายบริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 14 % หรือราว 30,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 19 % หรือ 8,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ทำฟันประกันสังคม ไม่ต้องสำรองจ่าย เดือน มี.ค. 67 ยอด 169 ล้านบาท
- รู้ไหม ? 31 มณฑลจีน ชอบสินค้าอะไรของไทย
- “ทางรัฐ” ซูเปอร์แอปแห่งชาติ รองรับแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
ไมโครซอฟท์ยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งภายใต้การบริหารงานของ “สัตยา นาเดลลา” (Satya Nadella) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชั่นที่ใช้เวลากว่า 5 ปีในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับบริษัท
ขณะที่แอปเปิลและอะเมซอนก็ก้าวสู่บริษัท 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเดือนสิงหาคมและกันยายนปีที่แล้วตามลำดับ ก่อนที่มูลค่าจะลดลงในปลายปี 2018 จากการชะลอตัวของตลาดโลก
ทั้งนี้ไมโครซอฟท์มีรายได้เพิ่มเติมขึ้นจากบริการคลาวด์ “ไมโครซอฟท์ แอเชอร์” (Microsoft Azure) ขณะที่ซอฟท์แวร์ต่าง ๆ ก็ยังเป็นรายได้หลักของบริษัท โดยระบบปฏิบัติการ “วินโดวส์” ทำรายได้ประมาณ 18 % ส่วน “ไมโครซอฟท์ ออฟฟิศ” ทำรายได้ประมาณ 25 %
นอกจากนี้ยังมีรายได้จากบริการใหม่ ๆ อย่าง “เอ็กซ์บ็อกซ์” (Xbox) ซึ่งให้บริการเกมออนไลน์มีรายได้ประมาณ 9 % ส่วน “เซอร์เฟส” (Surface) ซึ่งเป็นแบรนด์แท็บเล็ตของไมโครซอฟท์เองก็ทำรายได้ราว 5 % นอกจากนี้ยังมีกำไรจาก “บิง” (Bing) เว็บไซต์บริการค้นหาข้อมูลออนไลน์หรือเสิร์ชเอนจินของไมโครซอฟท์ด้วย จากการใช้งานร่วมกับ“อเล็กซ่า” ซึ่งเป็นสมาร์ทสปีกเกอร์ของอะเมซอน
