พนักงาน “GM” เกือบ 50,000 คน หยุดงานเรียกร้อง “ค่าจ้างและสวัสดิการที่เป็นธรรม”

REUTERS/Rebecca Cook

สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า เมื่อวันที่ 16 ก.ย. พนักงานเกือบ 50,000 คนของ “เจเนอรัล มอเตอร์” (GM) บริษัทรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกาได้เริ่มการนัดหยุดงานประท้วงบริษัท เนื่องจากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับค่าจ้างและเงื่อนไขการจ้างงานกับสหภาพแรงงานยานยนต์ (UAW) ได้ ถือเป็นการนัดหยุดงานประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดนับแต่ปี 2007

ทั้งนี้ ข้อตกลงการจ้างงานระหว่าง UAW กับ GM ระยะเวลา 4 ปีจะสิ้นสุดลงในปลายสัปดาห์นี้ โดยที่ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงใหม่ที่เป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่ายได้ โดยเฉพาะในเรื่องค่าจ่างและสวัสดิการต่าง ๆ ทั้งด้านการรักษาพยาบาล เงินปันผล และความมั่นคงทางอาชีพ

นายเทร์รี ดิตส์ รองประธาน UAW ระบุว่า “เรายืนหยัดเพื่อค่าจ้างที่เป็นธรรม เรายืนหยัดเพื่อการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพและเข้าถึงได้ เรายืนหยัดเพื่อผลกำไรในส่วนที่เราควรจะได้รับ” นอกจากเรื่องค่าแรงแล้ว การนัดหยุดงานครั้งนี้ยังเป็นการประท้วงต่อการปิดโรงงานของ GM ในรัฐโอไฮโอและมิชิแกน ซึ่งส่งผลกระทบต่อคนงานจำนวนมาก โดยบริษัทให้เห็นผลว่าจำเป็นต้องปิดเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของตลาด

สำหรับการนัดหยุดงานประท้วงครั้งนี้อาจกินระยะเวลายาวนาน แต่ได้มีกำหนดเส้นตายในการบรรลุข้อตกลงภายในเที่ยงคืนวันที่ 21 ก.ย. แต่ที่ผ่านมาการนัดหยุดงานเป็นเวลา 2 วันในปี 2007 สร้างความเสียหายแก่บริษัทถึง 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ขณะที่ GM ได้ออกแถลงการณ์ต่อกรณีนี้ว่า ค่าจ้างและสวัสดิการของ GM จัดอยู่ในกลุ่มที่ดีที่สุดของบรรดาบริษัทในอุตสาหกรรมรถยนต์ อย่างไรก็ตาม บริษัทได้มีความพยายามเสนอข้อตกลงใหม่ให้กับ UAW ในระหว่างการเจรจา โดยเน้นการลงทุนใหม่ด้วยงบประมาณกว่า 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การจ้างงานเพิ่มขึ้น รวมถึงเงินเดือนและผลประโยชน์สำหรับลูกจ้างที่มากขึ้น

แต่ขณะนี้ ยังไม่ชัดเจนว่าทั้งสองฝ่ายจะมีแผนการเจรจาเพิ่มเติมหรือไม่ อย่างไร แต่การนัดหยุดงานครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางยอดขายของอุตสาหกรรมรถยนต์ของสหรัฐที่ชะลอตัว และต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุน เพื่อการวิจัยและพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าสำหรับรับมือกับมาตรการควบคุมการปล่อยมลพิษของสหรัฐ