สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีของ แคนาดา เปิดเผยว่าจะดำเนินการปิดพรมแดนระหว่างแคนาดากับสหรัฐอเมริกา ในคืนวันนี้ (20 มี.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของไวรัส “โควิด-19” โดยทางการแคนาดาได้ประสานงานกับภาคการบินเอกชน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับชาวแคนาดากว่า 3 ล้านคนในต่างประเทศที่ต้องการจะเดินทางกลับประเทศด้วย
แคนาดาได้ประกาศปิดกั้นการเดินทางของชาวต่างชาติเข้ามาในประเทศทั้งหมด ยกเว้นพลเมืองสหรัฐไปก่อนหน้านี้ แต่ขณะนี้สถานการณ์ได้รุนแรงขึ้น โดยแคนาดาพบผู้ป่วยมากกว่า 800 รายและผู้เสียชีวิต 2 ราย ส่งผลให้ทางการแคนาดาตัดสินใจปิดพรมแดนกับสหรัฐ โดยปิดกั้นการเดินทางที่ไม่จำเป็นทั้งหมดเพื่อลดการระบาดของโควิด-19
- “มะพร้าว” ราคาพุ่งเป็นประวัติการณ์ ลูกเดียว 65-80 บาท เกิดอะไรขึ้น?
- บริษัทดัง ประกาศปิดกิจการ ทุกสาขาทั่วประเทศ เลิกจ้างหลายชีวิต
- แจกเงินดิจิทัล 10,000 ลุ้นซื้อไอโฟน-เครื่องใช้ไฟฟ้า “จุลพันธ์” นัดถกหาข้อสรุป
ขณะที่ เทเรซ่า แทม หัวหน้าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขแคนาดาเปิดเผยว่า ทางการแคนาดากำลังทำการตรวจหาเชื้อไวรัสแบบปูพรม โดยมีผู้เข้าตรวจหาเชื้อแล้วกว่า 55,000 คนทั่วประเทศ “สิ่งที่เรายังคงเป็นห่วงคืออัตราผู้ป่วยรายใหม่รายวันที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก รวมถึงรายงานการติดเชื้อของผู้คนในบางรัฐที่ไม่มีประวัติการเดินทางมาก่อนหน้านี้ด้วย”
ทั้งนี้ รัฐบาลแคนาดายังเปิดเผยว่า มีการตั้งงบประมาณสำหรับช่วยเหลือเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจเป็นจำนวนเงิน 27,000 ล้านดอลลาร์แคนาดาแล้ว ขณะที่รัฐควิเบกเมืองใหญ่อันดับของแคนาดาก็ระบุว่า ได้จัดสรรงบประมาณ 2,500 ล้านดอลลาร์แคนาดา เพื่อเป็นสินเชื่อและเงินค้ำประกันเงินกู้สำหรับภาคธุรกิจในรัฐด้วย
นอกจากนี้ รัฐบาลแคนาดายังกำลังพิจารณาประกาศใช้กฎหมายฉุกเฉินปี 1988 ที่อนุญาตให้รัฐบาลกลางสามารถมีอำนาจเหนือฝ่ายบริหารท้องถิ่นในภาวะฉุกเฉิน และสามารถควบคุมการเดินทางของประชาชนและการขนส่งสินค้าได้ และจะมีการขอความร่วมมือกับกองทัพในการช่วยเหลือในการจัดหาเสบียงให้เพียงพอต่อความต้องการของคนในแต่ละพื้นที่ด้วย