“อูเบอร์” ชูธงยกเครื่องเป็น “รถยนต์ไฟฟ้า” ทั้งหมดภายในปี 2040

อูเบอร์

อูเบอร์ประกาศแผนนำร่องทุ่ม 800 ล้านดอลลาร์ เปลี่ยนบริการรถโดยสารเป็นรถพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด ภายในปี 2040

สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า “อูเบอร์” แพลตฟอร์มให้บริการร่วมเดินทาง หรือ Ride Hailing ประกาศจะเปลี่ยนมาใช้บริการด้วยรถยนต์พลังงานไฟฟ้าทั้งหมดภายในปี 2040 เป็นส่วนหนึ่งของ “ความรับผิดชอบ” ต่อความท้าทายในการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยอูเบอร์วางแผนโครงการนำร่องโดยจัดเตรียมเงิน 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อช่วยสนับสนุนให้ผู้ขับขี่ของอูเบอร์เปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า

โดยที่ผู้ขับขี่จะสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้น หากใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าหรือไฮบริด โดยลูกค้าที่ใช้บริการแพลตฟอร์มอูเบอร์สามารถเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) หรือรถยนต์ไฮบริดได้โดยที่จะเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม 1 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งขณะนี้เริ่มมีโครงการนำร่องแล้วในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ซึ่งคาดว่าภายในสิ้นปีนี้อูเบอร์จะสามารถเปิดตัวบริการที่ใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้ามากกว่า 65 เมืองทั่วโลก

ปัจจุบันอูเบอร์มีการนำรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงรถยนต์ไฮบริดมาให้บริการแล้วในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา คิดเป็นสัดส่วนราว 0.15% ส่วนในกรุงลอนดอน อูเบอร์คาดว่าแผนการใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะถูกนำมาให้บริการภายในปี 2025

นอกจากนี้บริษัท อูเบอร์ระบุว่า กำลังมีการเจรจาความร่วมมือกับบริษัท เรโนลต์ (Renault) และ นิสสัน (Nissan) เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานไฟฟ้าไปยังเมืองต่าง ๆ ในยุโรป โดยจะเริ่มต้นที่ประเทศฝรั่งเศส ขณะที่สหรัฐอเมริกาและแคนาดากำลังหารือร่วมกับบริษัท เจเนอรัลมอเตอร์ส (General Motors)

แถลงการณ์ของอูเบอร์ระบุว่า “แม้ว่าเราจะไม่ใช่หน่วยงานแรกที่ตั้งเป้าหมายในการเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า แต่เราเป็นหน่วยงานแรกที่ตั้งใจจะทำให้มันเกิดขึ้น และมีส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก”

ทั้งนี้ Uber และ Lyft คู่แข่งสำคัญที่ครองตลาดด้านการบริการเรียกรถที่ต้องเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับบทบาทของการให้บริการที่มีส่วนทำให้การจราจรเกิดมลพิษทางอากาศ ซึ่งมีนักวิจัยออกมาให้ความเห็นว่าการใช้บริการโดยสารของ อูเบอร์ และ Lyft ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศมากกว่าการเดิน การปั่นจักรยาน หรือแม้แต่การใช้ระบบขนส่งมวลชน ทำให้ทั้งสองบริษัทมีความเคลื่อนไหวในการนำเสนอบริการด้วยรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างจริงจังมากขึ้น