ไบเดนสัญญาว่าหลังจากเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีวันที่ 20 ม.ค. นี้ จะมีการออกคำสั่งและเปลี่ยนนโยบายซึ่งสวนทางกับทรัมป์อย่างมาก
วันที่ 17 มกราคม 2564 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า “รอน เคลน” ว่าที่เสนาธิการทำเนียบขาวระบุว่า “โจ ไบเดน” ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐวางแผนออก “คำสั่ง” และมุ่งดำเนินการ “เปลี่ยนกฏหมาย” นับสิบข้อ ตั้งแต่วันแรกที่ไบเดน เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งพิธีสาบานตนเข้าทำเนียบขาวจะเกิดขึ้นวันที่ 20 ม.ค. นี้
- พระราชประวัติ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติฯ วันคล้ายวันประสูติ 29 เมษายน
- “มะพร้าว” ราคาพุ่งเป็นประวัติการณ์ ลูกเดียว 65-80 บาท เกิดอะไรขึ้น?
- ด่วน! โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ครม.เศรษฐา 1/1 รัฐมนตรีใหม่ 13 ตำแหน่ง
เคลนได้เปิดเผย “คำสั่ง” บางข้อ ได้แก่ การเซ็นสัญญาให้สหรัฐกลับเข้าร่วม “ความตกลงปารีส” (Paris Agreement) กำหนดมาตรการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซต์ ลดภาวะโลกร้อน, การยกเลิกกฏหมายบางประเทศที่ถูกแบนเนื่องจากมีประชากร “มุสลิม” เป็นส่วนใหญ่, การขยายเวลาชำระหนี้สิ้นจากการศึกษาของรัฐบาล (federal student loan), ระงับการยึดอสังหาริมทรัพย์ชั่วคราว, บังคับการใส่แมสก์เมื่อเดินทางระหว่างรัฐ รวมทั้งเมื่ออยู่สถานที่ราชการ เป็นต้น ซึ่งคำสั่งเหล่านี้ ไบเดนสามารถทำได้เลยโดยไม่ต้องผ่านสภาคองเกรส
นอกจากนี้ ไบเดนยังมุ่งที่จะใช้งบประมาณ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ออกแพ็คเกจกระตุ้นเศรษฐกิจ และพัฒนาระบบการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 และยังมุ่งเปลี่ยนกฏหมายคนเข้าเมือง มอบสัญชาติอเมริกันให้กับหลายล้านคนในประเทศ อย่างไรก็ดีทั้งสองอย่างต้องได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรสก่อน และไบเดนไม่สามารถออก “คำสั่ง” เองได้เลย
ทั้งนี้ “คำสั่ง” ส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นสวนทางกับนโยบายของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐคนก่อนหน้า ซึ่งเป็นแนวคิดที่ไบเดนใช้สำหรับการหาเสียงตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา
เคลนกล่าวว่าไบเดนได้รับตำแหน่งขณะที่ประเทศชาติอยู่ในช่วงวิกฤต ซึ่งหลังจากเข้ารับตำแหน่ง ไบเดนมุ่งแก้วิกฤตเหล่านี้และสร้างชาติกลับมาให้ดีขึ้น