จีดีพี จีน พุ่ง 2.3% ผลิต-ส่งออกบูม แต่การบริโภคยังคงชะงัก

REUTERS/Tingshu Wang

ตัวเลขเศรษฐกิจขยายตัวมาจากอุตสาหกรรมการผลิตและการส่งออกเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ความกังวลเรื่องการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ทำให้อุตสาหกรรมการบริโภคยังคงไม่พื้นฟูกลับมาในระดับปกติ

วันที่ 18 มกราคม 2564 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่าตัวเลขเศรษฐกิจ (จีดีพี) ประเทศจีนช่วงไตรมาสที่ 4 (ต.ค.- ธ.ค.) เมื่อปีที่แล้ว (2020) ขยายตัว 6.5% เทียบรายปี (yoy) และทำให้ตัวเลขเศรษฐกิจจีนทั้งปี 2020 ขยายตัว 2.3% โดยเป็นประเทศ “เศรษฐกิจยักษ์” เพียงประเทศเดียวที่เศรษฐกิจขยายตัว ท่ามกลางการระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลก

“ซิง เจาเพ้ง” นักเศรษฐศาสตร์ธนาคารเอเอนซี เซียงไฮ้ระบุว่าตัวเลขเศรษฐกิจที่ขยายตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้บ่งชี้ว่าประเทศกลับเข้าสู่ช่วงการขยายตัวแล้ว ถึงแม้อุตสาหกรรมบางส่วนยังตงต้องการฟื้นฟู โดยนักเศรษฐศาสตร์ของรอยเตอร์สโพลคาดการณ์ไว้ว่าไตรมาสที่ 4 ของปี 2020 เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวเพียง 6.1% เทียบรายปี

REUTERS/Tingshu Wang

แหล่งข่าวระบุว่ามาตรการคุมโรคที่เข้มงวดทำให้สามารถจำกัดการระบาดของโรคโควิด-19 ได้รวดเร็วกว่าประเทศอื่น ๆ ขณะที่มาตรการเยียวยาของทางภาครัฐ และความต้องการสินค้าจีนจากต่างประเทศทำให้อัตราการผลิตและส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจประเทศขยายตัวได้

ท่ามกลางการระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลก ทำให้หลาย ๆ ประเทศเลือกนำเข้าสินค้าจากจีน ส่งผลให้อุตสาหกรรมการผลิตช่วงเดือนธันวาคม 2020 ขยายตัวถึง 7.3% เทียบรายปี มากที่สุดตั้งแต่เดือนมีนาคม 2019

Advertisment

นอกจากนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์สคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนจะยังคงขยายตัวมากเป็นประวัติการณ์ในรอบ 10 ปี โดยมองว่าตัวเลขเศรษฐกิจจะเพิ่มขึ้น 8.4% ในปีนี้ (2021)

อย่างไรก็ตามอัตราการบริโภค ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของการขยายตัวเศรษฐกิจจีน ยังคงลดลง ซึ่งแหล่งข่าวระบุว่ามาจากความกลัวของผู้บริโภคที่โรคโควิด-19 จะกลับมาระบาดระลอกใหม่ โดยอัตรายอดขายสินค้าปลีกลดลงถึง -3.9% เมื่อปี 2020 โดยเฉพาะสินค้าจำพวกเสื้อผ้า เครื่องสำอาง โทรคมนาคม และรถยนต์

“หวัง จุน” ประธานทีมเศรษฐกิจธนาคารจงหยวนระบุว่าในปีนี้ทางจีนต้องระวังปัญหาการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ไม่สมดุล เมื่อเทียบกับการลงทุนและการส่งออก การบริโภคยังไม่กลับมาอยู่ในระดับปกติ

อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนเมื่อปี 2020 ต่ำที่สุดตั้งแต่ปี 1976 ปีสุดท้ายของช่วงเหตุการณ์ “การปฏิวัติวัฒนธรรมจีน” (Cultural Revolution) ซึ่งได้ทำลายเศรษฐกิจประเทศ

Advertisment

ถึงแม้จะมีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวในปีนี้ แต่อนาคตของ “สงครามการค้า” ระหว่างจีนกับสหรัฐยังคงไม่แน่นอน โดยเฉพาะเมื่อ “โจ ไบเดน” ขึ้นตำแหน่งมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐวันที่ 20 ม.ค. นี้ รวมทั้งยังมีปัจจัยอื่นเช่นค่าแรงขั้นต่ำที่สูงขึ้น และประชากรสูงวัยที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาจชะลอการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศได้