ศาลเมียนมาสั่งประหารชีวิตผู้ประท้วง 19 ราย ขณะที่ทูตเมียนมาประจำยูเอ็นเรียกร้องมาตรการจริงจัง จนกว่าเมียนมาจะได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยกลับคืนมา
วันที่ 10 เมษายน 2564 มติชน รายงานข้อมูลจากเอเอฟพีและรอยเตอร์ส ระบุว่า การปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมต้านรัฐประหารของกองทัพเมียนมายังคงดำเนินต่อไป โดยสถานีโทรทัศน์เมียวดีของทางการเมียนมา รายงานเมื่อคืนวันศุกร์ (9 เม.ย.) ว่า มีชาวเมียนมา 19 คน ถูกศาลทหารตัดสินลงโทษประหารชีวิต ฐานก่อคดีโจรกรรมและฆาตกรรม อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหาในจำนวนนี้ 17 คน ถูกตัดสินลับหลัง โดยไม่มาปรากฏตัวต่อศาล
- มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล เปิดชื่อผู้ถือหุ้น-ผลประกอบการ
- 10 พฤษภาคม 2567 ขึ้นทางด่วนฟรี 60 ด่าน
- ทีทีบี เสนอขายหุ้นกู้อนุพันธ์แฝง คุ้มครองเงินต้น 100% เปิดจอง 9-15 พ.ค. 67
นับเป็นการตัดสินโทษที่มีการประกาศต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกของทางการเมียนมา นับจากเกิดเหตุรัฐประหารเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ ซึ่งสื่อทางการเมียนมาระบุว่า ผู้ต้องหาที่ถูกตัดสินโทษดังกล่าว ได้ร่วมกันก่อเหตุในเขตเมืองย่างกุ้ง ที่มีการประกาศใช้กฎอัยการศึก
รอยเตอร์อ้างข้อมูลจากสื่อท้องถิ่นด้วยว่า กองกำลังพันธมิตรของกลุ่มชาติพันธุ์ได้บุกโจมตีสถานีตำรวจแห่งหนึ่งในเมืองนองมอน รัฐฉาน เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (10 เม.ย.) เป็นเหตุให้ตำรวจเมียนมาเสียชีวิตอย่างน้อย 10 นาย
โดยกองกำลังติดอาวุธดังกล่าวมีนักรบจากกองทัพอาระกัน กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติตะอาง และกองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมารวมอยู่ด้วย ขณะที่สื่อท้องถิ่นอีกสำนักระบุว่า เหตุโจมตีดังกล่าวมีผู้เสียชีวิต 14 ราย
ด้านสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมือง (เอเอพีพี) ระบุตัวเลขพลเรือนเมียนมาที่ถูกสังหารเสียชีวิต นับจากวันรัฐประหารเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 614 ราย ถูกจับแล้วเกือบ 3,000 คน
นายจ่อ โม ตุน เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรของเมียนมาประจำสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ซึ่งเคยชู 3 นิ้ว ต้านรัฐประหารกลางที่ประชุมใหญ่ยูเอ็น จนถูกรัฐบาลทหารปลดออกจากตำแหน่ง กล่าวผ่านระบบทางไกลเมื่อวานนี้ (9 เม.ย.) ว่า
ยังไม่มีการดำเนินการอย่างแข็งขันและมากเพียงพอ ทั้งที่มีประชาชนหลายร้อยคนต้องล้มตาย รวมถึงเด็ก ๆ การดำเนินการอย่างแข็งขันร่วมกันเป็นสิ่งจำเป็นในทันที ตนเชื่อว่าประชาคมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะยูเอ็นเอสซี จะไม่ปล่อยให้การกระทำอันโหดร้ายทารุณเช่นนี้ เกิดขึ้นในเมียนมาต่อไป
สำหรับข้อเรียกร้อง ของนายจ่อ โม ตุน มีตั้งแต่ให้กำหนดเขตห้ามบินเพื่อป้องกันไม่ให้กองทัพเมียนมาโจมตีทางอากาศใส่พื้นที่พลเรือน ให้ประชาคมโลกห้ามค้าอาวุธกับเมียนมา อายัดบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องกับบุคคลในกองทัพและสมาชิกในครอบครัว และระงับการลงทุนจากต่างประเทศ จนกว่าเมียนมาจะได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยกลับคืนมา
จีนและรัสเซีย สองชาติสมาชิกถาวรในยูเอ็นเอสซี ที่มีอำนาจวีโต้ และได้คัดค้านการคว่ำบาตรเมียนมาของนานาชาติ แสดงความห่วงกังวลมากขึ้นต่อสถานการณ์ในเมียนมา
นางลินดา โธมัส-กรีนฟิลด์ ทูตสหรัฐประจำยูเอ็น กล่าวว่า กองทัพเมียนมาต้องรู้สึกถึงความสูญเสียจากการกระทำอันน่ากลัวของตนเอง หลังจากที่เมินใส่ต่อการประณาม ทั้งยังกล่าวจี้ยูเอ็นเอสซีว่า “จะปล่อยให้ถ้อยคำในแถลงการณ์ที่จะออกมา เป็นไปอย่างคลุมเครือต่อไป หรือเราจะทำเพื่อรักษาชีวิตชาวเมียนมาไว้?”
ด้านเอสโตเนีย ซึ่งเป็นสมาชิกไม่ถาวรในยูเอ็นเอสซี เรียกร้องให้ร่วมกันร่างข้อมติ ที่มีมาตรการคว่ำบาตรและการห้ามค้าอาวุธกับเมียนมารวมอยู่ด้วย
นางนาตาลี บรอดเฮิร์ส รองเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำยูเอ็น แจ้งต่อที่ประชุมยูเอ็นเอสซีว่า การประชุมสุดยอดว่าด้วยเรื่องเมียนมาของกลุ่มชาติอาเซียน จะมีขึ้นในวันที่ 20 เมษายนนี้ โดยคาดว่าจะมีขึ้นที่กรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซีย โดยเราหวังว่าจะได้รับฟังบทสรุปของผลการประชุมดังกล่าว
ก่อนหน้านั้น นางคริสตีน สคราเนอร์ บูร์เกเนอร์ ทูตพิเศษยูเอ็นด้านเมียนมา ได้เดินทางมาถึงกรุงเทพฯ เพื่อหารือกับตัวแทนของกองทัพเมียนมาและชาติอาเซียน รวมถึงไทย เกี่ยวกับสถานการณ์ในเมียนมา แต่นางบูร์เกเนอร์ถูกทางการเมียนมาปฏิเสธที่จะให้พบ โดยนายจ่อ มิน ตุน โฆษกรัฐบาลทหาร บอกกับเอเอฟพีว่า เราไม่อนุญาตและไม่มีแผนที่จะอนุญาตในเรื่องนี้ด้วย