อินเดียวิกฤต โควิดพุ่งแรง สะเทือนฐานรากเศรษฐกิจ

ชีพจรเศรษฐกิจโลก

ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์

การแพร่ระบาดระลอก 2 ของโควิด-19 ในประเทศอินเดีย ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของทั้งประเทศอย่างรวดเร็วและรุนแรงกว่าที่หลายคนคาดหมายเอาไว้

ส่วนหนึ่งเพราะการระบาดระลอกใหม่นี้เป็นการระบาดที่รุนแรงและเร็ว ใช้เวลาไม่ถึง 2 เดือน ทำให้อินเดียเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสมมากเป็นอันดับ 2 ของโลก

อัตราติดเชื้อเพิ่มรายวันทำสถิติโลกที่ 3 แสนรายต่อวัน ต่อเนื่อง 3 วันติด และยอดผู้ติดโควิดสะสมเฉียด 17 ล้านราย

ผลลัพธ์ของการระบาดรุนแรงก็คือ เกิดความไม่แน่นอนขึ้นกับเศรษฐกิจของอินเดียอย่างหนักและฉับพลัน

ดัชนีชี้สภาวะการฟื้นตัวทางธุรกิจอินเดีย (ไอบีอาร์ไอ) ของโนมูระ ร่วงลงอย่างรวดเร็วจาก 99.3 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เหลือเพียง 83.8 ในสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 18 เมษายน เป็นการลดลงสู่ระดับต่ำแทบเท่ากันกับที่เคยเกิดขึ้นในขณะที่การแพร่ระบาดในรอบแรกขึ้นสู่จุดสูงสุดเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ซึ่งในเวลานั้น ไอบีอาร์ไออยู่ที่ระดับ 83.3

ขณะที่บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ เริ่มปรับลดประมาณการเศรษฐกิจในปีนี้ลง แคร์ เรตติ้ง ปรับลดคาดการณ์จีดีพีจากขยายตัวที่ 10.7-10.9% ก่อนหน้า เหลือ 10.2% เอสบีไอ ลดการคาดการณ์ของตนลง จาก 11% เป็น 10.4%

แม้จะเป็นการปรับลด แต่ตัวเลขก็ยังคงอยู่ในระดับสูง เนื่องจากเป็นการเปรียบเทียบจากฐานที่ต่ำมากของปีที่ผ่านมา

นักวิเคราะห์เชื่อว่าหากเปรียบเทียบตัวเลขรายไตรมาส แทนที่จะเป็นปีต่อปี การขยายตัวของเศรษฐกิจอินเดียไม่น่าจะประทับใจมากเท่านี้

แวดวงธุรกิจคาดการณ์ว่า หากตัวเลขการแพร่ระบาดสูงเช่นนี้ อาจส่งผลให้รัฐบาลอินเดียต้องประกาศใช้มาตรการ “ล็อกดาวน์” ที่เข้มงวดและต่อเนื่องยืดยาวมากขึ้น สิ่งที่จะตามมาคือ กิจกรรมทางเศรษฐกิจถูกกดดันให้ต้องยุติ ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่การผลิต พร้อม ๆ กับที่ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคถีบตัวสูงขึ้น

ผลักดันให้ภาวะเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ทำให้การกำหนดนโยบายทางการเงินยิ่งซับซ้อนมากขึ้นไปอีก

ข้อเท็จจริงของสถานการณ์การแพร่ระบาดที่เกิดขึ้น ยิ่งทำให้ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดตามมาจากการแพร่ระบาดในครั้งนี้กลายเป็นความท้าทายสำหรับรัฐบาลและผู้กำหนดนโยบายมากยิ่งขึ้น

ในทางหนึ่งสถิติของทางการแสดงให้เห็นว่า ผู้ที่เป็นเหยื่อของการแพร่ระบาดครั้งใหม่นี้ เป็นบรรดา “ชนชั้นกลางและชนชั้นสูง” ของประเทศ อาศัยอยู่ในตึกรามบ้านช่องใหญ่โต ในเมืองใหญ่

ในมุมไบ นครที่เป็นศูนย์กลางทางการเงินของประเทศ ที่ทางการประกาศให้มี “เขตควบคุม” การระบาดเข้มงวดขึ้นนั้น ครอบคลุมครัวเรือนในย่านสลัมของเมืองเพียง 120,000 ครัวเรือน แต่ครอบคลุมครัวเรือนในตัวเมืองที่เป็นตึกสูงและบ้านหลังใหญ่โตมากถึง 170,000 ครัวเรือน

อินเดียนเอ็กซ์เพรส สื่อธุรกิจของอินเดีย ตรวจสอบแล้วพบว่า 90% ของผู้ติดเชื้อในมุมไบ มาจากบริเวณที่เต็มไปด้วยตึกระฟ้า มีเพียง 10% เท่านั้นที่มาจากแหล่งสลัมในเมือง และมีแนวโน้มคล้ายคลึงกันนี้ในหลายเมืองใหญ่ของประเทศ รวมทั้งที่ “นิวเดลี”

ปัญหาก็คือ ชนชั้นกลางและชนชั้นสูงในอินเดีย คือกลุ่มคนที่มีบทบาทและกำลังซื้อสูงที่มีความสำคัญมากต่อการบริโภคในอินเดีย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 60% ของเศรษฐกิจอินเดียโดยรวม ในอีกทางหนึ่ง อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ลดลง จะส่งผลต่อเนื่องให้การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลลดน้อยลงตามไปด้วย ขณะที่สถานการณ์เรียกร้องให้ต้องเพิ่มมาตรการช่วยเหลือและฟื้นฟูเศรษฐกิจให้เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม

นั่นหมายความว่า รัฐบาลอินเดียอาจจำเป็นต้องกู้เพิ่มเพื่อการนี้ ซึ่งกลายเป็นแรงกดดันทันทีต่อผลตอบแทนของพันธบัตร และเป็นเหตุให้ “ฟิทช์ เรทติ้งส์” ซึ่งเพิ่งคงอันดับความน่าเชื่อถือของอินเดียไว้ที่ BBB- ไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ มีคำเตือนกำกับเอาไว้ด้วยว่า ภาพรวมของเศรษฐกิจอินเดียยังเป็น “ลบ” เนื่องจากแนวโน้มระดับหนี้ของประเทศยังไม่แน่นอน เพราะสถานะทางการคลังของรัฐบาลเสื่อมทรุดลง

ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจของอินเดียไม่มีทางจะหมดไป ตราบใดที่การแพร่ระบาดของโควิดยังไม่เริ่มลดลง

ขณะที่นักวิชาการทางระบาดวิทยายอมรับว่า การระบาดระลอกสองในอินเดียครั้งนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะถึงจุดพีกสูงสุดในเร็ววันนี้แต่อย่างใด