รัสเซีย-ยูเครน: ทำไมคนอเมริกันไม่ยอมย้ายออกจากกรุงเคียฟ

ทำไมคนอเมริกันไม่ย้ายออกจากยูเครน
REUTERS/Carlos Barria

รัฐบาลสหรัฐฯเรียกร้องให้พลเมืองของตัวเองเดินทางออกจากยูเครนทันที โดยอ้างถึงความเสี่ยงที่รัสเซียจะบุกยูเครน แต่ไม่ใช่พลเมืองสหรัฐฯทุกคนในยูเครนจะเห็นด้วยกับเรื่องนี้ 

วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 ชาติตะวันตกต่างไม่สนใจข้ออ้างของรัสเซีย ที่ระบุว่าได้ถอนทหารบางส่วนที่ประชิดชายแดนยูเครนแล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯยังคงเชื่อว่าทางการรัสเซียอาจเปิดฉากโจมตียูเครนได้ตลอดเวลา

อย่างไรก็ตาม มีคนจำนวนมากที่ไม่เชื่อว่าจะมีการโจมตีกรุงเคียฟของยูเครนอย่างเต็มรูปแบบ แม้สื่อจะประโคมข่าวจากแหล่งข่าวหน่วยข่าวกรอง

ตอนนี้ในกลุ่มผู้ที่เดินทางมายูเครนทั้งระยะสั้นและระยะยาว จึงพากันตั้งคำถามว่า พวกเขาควรจะเดินทางออกจากยูเครนหรือไม่

บีบีซีนิวส์พูดคุยกับชาวอเมริกันบางคนที่อยู่ในยูเครน ทั้งนักธุรกิจ อาจารย์ อาสาสมัคร เพื่อถามถึงเหตุผลที่พวกเขาตัดสินใจอยู่ในยูเครนต่อไป

Advertisment

ผมไม่ตื่นตระหนก

“ฌอน อัลเมดา” เกิดในบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ เขาก่อตั้งธุรกิจในกรุงเคียฟตั้งแต่ปี 2557 ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการบริษัทอสังหาริมทรัพย์ แม้จะมีการขู่เรื่องภัยจากรัสเซีย แต่เขายังไม่คิดเดินทางออกจากยูเครน

“ตั้งแต่การปฏิวัติไมดาน (การประท้วงเมื่อปี 2556 และ 2557 ซึ่งนำไปสู่การโค่นอำนาจ ‘วิกเตอร์ ยานูโกวิช’ ประธานาธิบดียูเครนในขณะนั้น) หรือเมื่อรัสเซียผนวกไครเมีย หรือเมื่อเริ่มเกิดสงครามในดอนบัสส์ ผมก็ไม่ออกจากยูเครน” เขาให้สัมภาษณ์บีบีซี

“ปล่อยให้ไบเดนพูดอย่างที่เขาอยากพูด แต่ผมจะไม่ตื่นตระหนกและไม่ออกจากยูเครน ซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นบ้านของผมไปแล้ว”

ฌอนไม่เชื่อว่า การคุกคามของรัสเซียเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เหมือนที่สื่อตะวันตกหรือนักการทูตพูด

Advertisment

ชายอเมริกันผู้นี้ไม่ได้มีแค่ธุรกิจในยูเครน แต่ยังมีครอบครัวอยู่ในยูเครนด้วย เขากล่าวว่า “ผมไม่ครอบครัวที่นี่ และลูกสาวของผมเพิ่งเกิดได้ปีกว่า”

ก่อนที่จะถึงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯเตือนว่ารัสเซียอาจเริ่มการโจมตี ฌอนได้ส่งครอบครัวของเขาไปยังเมืองลวิว ทางตะวันตกของยูเครน

บางประเทศย้ายสถานทูตไปยังเมืองลวิว เนื่องจากเป็นเมืองที่อยู่ห่างจากชายแดนที่ติดกับรัสเซีย

ฌอนได้ส่งภรรยา แม่ยาย และลูกสาว 2 คน ออกจากกรุงเคียฟ แต่ตัวเขาเองตัดสินใจอยู่ต่อ เขาบอกด้วยว่าไม่มีใครจากสถานทูตสหรัฐฯที่ติดต่อให้เขาอพยพ

นี่คือบ้านของผม

“เดวิด พลาสเตอร์” อดีตทหารสหรัฐฯ ซึ่งพำนักในยูเครนมานานเกือบ 10 ปี เขาทำงานเป็นอาสาสมัครในชุมชน และเป็นบุคคลสาธารณะ เขาเข้าร่วมการถ่ายทำยูทูบ Stop the Moose ซึ่งเป็นโครงการสาธารณะเพื่อรณรงค์เรื่องพฤติกรรมการขับรถของผู้คน นอกจากนี้เขายังมีส่วนร่วมกับโครงการชุมชนอีกหลายโครงการเพื่อปรับปรุงย่านบอร์ชชาฮิฟกาในกรุงเคียฟ ซึ่งเขามองว่าเป็นบ้านใกล้เรือนเคียงของตัวเอง

เดวิดเคยมีส่วนร่วมในการประท้วงไมดาน และเคยเป็นแนวรบด้านหน้าทางตะวันออกของยูเครน โดยทำหน้าที่เป็นผู้ฝึกหัดทหารยูเครนเกี่ยวกับยุทธวิธีทางการแพทย์ และสอนภาษาอังกฤษให้กับทหารยูเครน

เมื่อถามว่าทำไมเขาจึงไม่กังวลเกี่ยวกับการโจมตีของรัสเซีย และทำไมไม่ออกจากกรุงเคียฟ เขาตอบง่าย ๆ ว่า “เพราะที่นี่คือบ้านของผม”

เมื่อถามถึงสิ่งที่เขาขอบมากที่สุดในยูเครน เขาตอบทันทีว่า โดนัทกระเทียม

จากนั้นจึงตอบอย่างจริงจังมากขึ้นว่า เขารักประเทศแห่งนี้เพราะมิตรภาพที่เขาสร้างไว้ และผู้คนที่เขาได้พบที่นี่

เราพร้อมสู้

“เจมส์ มาร์ติน” เกิดที่เมืองเล็ก ๆ ในรัฐไอโอวา เขาจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และต่อมาได้เข้าศึกาาต่อที่สถาบันเหล็กกล้าและโลหะผสมแห่งมอสโก

เมื่อเขาย้ายมายังกรุงเคียฟ เขาทำงานเป็นครูสอนภาษาอังกฤษไปด้วย เรียนไปด้วย

ข่าวเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะบุกยูเครนไม่ได้เปลี่ยนแผนของเขา และเขาตัดสินใจมองข้ามการเรียกร้องให้อพยพของทำเนียบขาว

“ผมจะไม่ออกจากยูเครน แต่ไม่ได้หมายความว่าผมไม่เคารพไบเดนหรือรัฐบาลสหรัฐฯ” เขากล่าวกับนักข่าวบีบีซีชาวยูเครน

เจมส์มีครอบครัวขนาดใหญ่ในไอโอวา แต่เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาเขาได้แต่งงานกับสาวชาวยูเครนชื่อ “ไอรา”

“ผมคิดว่าหากยังมีคนอยู่ที่นี่ พวกเขาจะไม่ไปไหน แม้จะมีคำเตือนมากมาย” เจมส์กล่าว

“นิคลาส ทีเค” จากเมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน เพิ่งมาอยู่ยูเครนเพียง 18 เดือน เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2563 เขาย้ายไปเมืองดนิโปร ซึ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรมใจกลางยูเครน เพื่อไปเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ก่อนที่ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เขาจะย้ายมาสอนภาษาอังกฤษที่กรุงเคียฟ และตอนนี้เขายังไม่มีแผนเดินทางออกจากยูเครน หรือกลับสหรัฐฯ

นิคลาสกล่าวกับบีบีซีว่า “เราพร้อมสู้หากจำเป็น พวกเราเตรียมพร้อม และนี่คือบ้านสำหรับคนจำนวนมาก หากเราอยู่ร่วมกัน เราจะเป็นหนึ่งเดียวและแข็งแกร่ง ทางเลือกของผมที่จะอยู่ที่นี่มันง่ายมาก มันคือบ้าน เพื่อน และครอบครัว”

เมื่อถามเกี่ยวกับความมั่นใจที่เขามีในทหารยูเครน เขาตอบว่า “พวกเขามีความสามารถมากขึ้นจากตอนปี 2557 พวกเขาแข็งแกร่งและเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น แต่ผมคิดว่าคงมีการนองเลือด และมันจะเลวร้ายมาก”

“เราเพียงแต่ต้องการความสงบสุข” นิคลาสกล่าวและว่า ยูเครนจงเจริญ !

 “ปูติน” ไม่บุกยูเครนหรอก

“อลิเซีย เดย์” อาศัยในเมืองดนิโปร เธอกังวลเรื่องการโจมตีจากรัสเซีย แต่ก็ยังไม่ออกจากยูเครนด้วยเหตุผลส่วนตัวหลาย ๆ ข้อ

“ฉันยังอยู่ในยูเครนด้วยเหตุผลหลายอย่าง” เธอกล่าว และว่า “หนึ่ง ปูตินบอกว่าเขาจะไม่บุกยูเครน ดังนั้น ฉันจะไม่ออกจากที่นี่โดยไม่มีเหตุผล สอง ฉันยังไม่ได้ฉีดวัคซีน สาม สามีของฉันอยู่ในโรงพยาบาล สี่ ฉันหวังว่าหากรัสเซียบุกจริง เราจะยังมีชีวิตรอด”

อลิเซียเป็นนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสัตว์ และเป็นมังสวิรัติ เธอกล่าวว่าเธอไม่สามารถทอดทิ้งสัตว์เลี้ยงของตัวเอง ซึ่งมีทั้งลูกหมูและลูกวัว ที่เธอซื้อพวกมันมาจากร้านขายเนื้อ

อลิเซียเก็บสัตว์ทั้ง 2 ตัวไว้ในอพาร์ทเมนต์ และพาพวกมันไปเดินเล่นในสวน

เมื่อฤดูใบไม้ร่วง ผู้พักอาศัยคนอื่น ๆ ต่างแสดงความไม่พอใจที่เธอเลี้ยงพวกมันไว้ พวกเขาได้เรียกตำรวจมา ท้ายที่สุดสัตว์เลี้ยงของเธอจึงถูกนำไปไว้ที่สถานที่พักพิงสำหรับสัตว์ ซึ่งทำให้เธอต้องเดินทางไปดูแลพวกมันที่นั่น