สิงคโปร์ทดสอบ ‘สแกนดวงตา’ ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง แทนระบบลายนิ้วมือ

รอยเตอร์ส รายงานวันนี้ (6 ส.ค.) ระบุว่า ทางการสิงคโปร์บังคับใช้กฎระเบียบ “สแกนดวงตา” สำหรับผู้นักท่องที่ยว โดยยืนยันจะเริ่มทดสอบกับพลเมืองสิงคโปร์และผู้อยู่อาศัยถาวรเท่านั้น ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นตอนที่ด่านตรวจชายแดนบางแห่ง โดยการทดลองใช้เทคโนโลยีดังกล่าวก็เพื่อให้เข้ามาแทนที่การพิสูจน์ลายนิ้วมือที่อาจจะยกเลิกใช้ในอนาคต

รายงานระบุว่า เทคโนโลยีการสแกนดวงตาเพื่อพิสูจน์ตัวบุคคล ถือว่าเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงตัวล่าสุดของสิงคโปร์ และแม้ว่ายังมีความวิตกกังวลจากคนบางกลุ่มในด้านความปลอดภัย เพราะยังอยู่ในช่วงทดลองใช้ แต่รัฐบาลสิงคโปร์ยืนยันว่า เป้าหมายของเทคโนโลยีขั้นสูงตัวใหม่นี้จะช่วยพัฒนาประสิทธิภาพและความปลอดภัยให้กับประเทศอย่างสูงสุดในระยะยาว ซึ่งภัยคุกคามจากกลุ่มหัวรุนแรงในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงภูมิภาคอื่นๆ ได้ทวีคูณความรุนแรงมากขึ้น สิงคโปร์มีความจำเป็นต้องสร้างระบบการคุ้มกันประชาชนเพิ่มความเสถียรภาพมากขึ้นเพื่ออนาคต

ทั้งนี้ เทคโนโลยีสแกนม่านตามีการใช้ในประเทศอื่นบ้างแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา และอังกฤษ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ความสำเร็จของเทคโนโยลีดังกล่าวถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ แม้ว่ายังไม่ 100% แต่ข้อเสียของมันก็คือ มีราคาแพงกว่าระบบสแกนลายนิ้วมือกว่า 5 เท่าทีเดียว

ขณะที่ โฆษกของหน่วยงานด่านตรวจคนเข้าเมือง (ICA) กล่าวในหนังสือพิมพ์ สเตรท ไทมส์ ระบุว่า “การทดสอบครั้งนี้จะช่วยพิจารณาว่าสิงคโปร์ควรใช้เทคโนโลยีนี้ที่ด่านตรวจต่างๆ หรือไม่ และอย่างไร เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด”

รายงานของสื่อสิงคโปร์ ได้ระบุว่า เทคโนโลยีสแกนดวงตานี้จะบังคับใช้ที่ด่านตรวจ 2 แห่ง ได้แก่ บริเวณชายแดนทางเหนือติดมาเลเซีย และที่อาคารผู้โดยสารเรือเฟอร์รีซึ่งให้บริการไปยังหมู่เกาะอินโดนีเซียที่อยู่ใกล้ๆ