สำนักข่าวสเตรทไทมส์ของสิงคโปร์ รายงานว่า องค์การเงินตราแห่งประเทศสิงคโปร์ (MAS) ประกาศดำเนินมาตรการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินเพื่อลดการแข็งค่าของเงินสกุลดอลลาร์สิงคโปร์ ซึ่งนับเป็นการลดค่าเงินดอลลาร์สิงคโปร์เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สิงคโปร์อยู่ที่ 1 ดอลลาร์สหรัฐต่อ 1.37 ดอลลาร์สิงคโปร์ในขณะนี้
ทั้งนี้ สิงคโปร์ได้ใช้ระบบตะกร้าเงินเพื่อกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงิน เป็นเครื่องมือหลักในการสร้างความสมดุลระหว่างอัตราเงินเฟ้อจากต่างประเทศและการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งการทำให้สกลุเงินอ่อนค่าลงจะช่วยส่งเสริมศักยภาพในการแข่งขันของธุรกิจภายในประเทศ เนื่องจากสินค้านำเข้าจะมีราคาสูงขึ้น ขณะเดียวกันก็เพิ่มอุปสงค์ของสินค้าและบริการในสิงคโปร์มากขึ้นด้วย ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจการท่องเที่ยวของสิงคโปร์
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
องค์การเงินตราแห่งสิงคโปร์ ระบุในแถลงการณ์ว่า “องค์การเงินตราจะยังคงติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนนโยบายทางการเงินใหม่ หากแนวโน้มเงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจลดลงอย่างมีนัยสำคัญ”
ฟิลิป วี (Philip Wee) ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์ของ DBS FX ระบุว่า การผ่อนคลายนโยบายทางการเงินครั้งนี้เป็นผลมาจากภาวะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน รวมถึงความไม่แน่นอนของเบร็กซิต อย่างไรก็ตาม คาดว่าค่าเงินดอลลาร์สิงคโปร์จะอ่อนลงอีก โดยมีอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 1.40 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐภายในสิ้นปีนี้
ขณะที่องค์การเงินตราแห่งสิงคโปร์ คาดการณ์ว่า การเติบโตของเศรษฐกิจสิงคโปร์จะดีขึ้นในระดับปานกลางในปี 2020 แม้ว่าระดับของภาคการผลิตภายในประเทศจะยังคงต่ำกว่าศักยภาพ
