นักเเสดงฮอลลีวูดชื่อดัง “เเองเจลิน่า โจลี” ในฐานะทูตพิเศษข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) ประณามการใช้ความรุนแรงทางเพศกับสตรีโรฮีนจาในรัฐยะไข่ของเมียนมา เผยเตรียมเยือนค่ายผู้อพยพเร็ววันนี้
กระทรวงต่างประเทศของบังคลาเทศ เเถลงระบุว่า เเองเจลิน่า โจลี ได้กล่าวต่อคณะตัวเเทนของบัลคลาเทศที่เมืองแวนคูเวอร์ของแคนาดาว่า เธอจะเดินทางไปเยี่ยมสตรีโรฮีนจาที่ตกเป็นเหยื่อความรุนเเรงทางเพศในค่ายอพยพบังคลาเทศ พร้อมกล่าวประมาณความรุนเเรงเเละความขัดเเย้งดังกล่าว
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงต่างประเทศบังคลาเทศ ยังไม่ระบุวันที่นักเเสดงสาวจะเข้าเยี่ยมกลุ่มผู้หญิงชาวโรฮีนจาเมื่อใด
โดยก่อนหน้านี้ พรามิลา แพทเทน ผู้แทนพิเศษของเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติว่าด้วยความรุนแรงทางเพศในความขัดแย้ง เปิดเผยหลังเข้าเยี่ยมผู้ลี้ภัยโรฮีนจาในบังคลาเทศว่า จะมีการเสนอเรื่องความรุนเเรงของทหารชาวเมียนมาที่รุมโทรมหญิง เเละก่ออาชญากรรมต่อชาวโรฮีนจาต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) ที่กรุงเฮกของเนเธอร์แลนด์
สำหรับการปราบกบฏในรัฐยะไข่ เริ่มต้นเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ชาวโรฮีนจาที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว ต้องอพยพข้ามพรมเเดนลี้ภัยไปยังบังคลาเทศกว่า 600,000 คน ก่อให้เกิดกระเเสวิพากษ์วิจารณ์นางอองซาน ซูจี ที่ปรึกษาเเห่งรัฐเมียนมา ผู้เคยได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพว่าเพิกเฉยต่อวิกฤตความรุนเเรงนี้
โดยสหประชาชาติ ได้ระบุว่า ทหารเมียนมานั้นมีส่วนร่วมในความพยายามที่จะให้เกิดการประสานงานอย่างเป็นระบบ เพื่อกำจัดชาวโรฮีนจาออกจากพื้นที่ ซึ่งความรุนแรงดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการกวาดล้างชาติพันธุ์ให้สูญสิ้น
อย่างไรก็ตามรัฐบาลเมียนมายังยืนยันว่า การปฏิบัติการของทหารในรัฐยะไข่เป็นเพียงการตอบโต้ความรุนแรงต่อกลุ่มติดอาวุธโรฮีนจาเท่านั้น หากกลุ่มหัวรุนแรงดังกล่าวไม่ทำการตอบโต้อย่างรุนแรง เหตุความเลวร้ายนี้จะไม่เกิดขึ้นและลุกลามจนถึงปัจจุบัน