ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย กล่าวสุนทรพจน์ประจำปีต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงและสมาชิกรัฐสภารัสเซียนานเกือบ 2 ชั่วโมง
ในการแถลงนโยบายประจำปีต่อรัฐสภา (State of the Nation) ของนายปูตินเมื่อ 21 ก.พ. ซึ่งมีขึ้นก่อนถึงวาระครบรอบ 1 ปีที่รัสเซียยกทัพเข้ารุกรานยูเครนเมื่อ 24 ก.พ. 2022 เขาได้กล่าวอ้างถึงเรื่องสงครามในยูเครนหลายประเด็นด้วยกัน รวมทั้งวิพากษ์วิจารณ์ยูเครนและชาติตะวันตกว่าเป็นฝ่ายยั่วยุให้เกิดสงครามขึ้นก่อน
ทีมตรวจสอบความจริง Reality Check ของบีบีซีจะพาไปดูว่าคำกล่าวอ้างต่าง ๆ ของผู้นำรัสเซียเป็นจริงมากน้อยเพียงใด
“ระบอบการปกครองนีโอนาซีที่ก่อตั้งขึ้นในยูเครนหลังปี 2014”
นายปูตินกล่าวย้ำคำอ้างโดยไร้หลักฐานยืนยันหลายครั้งเกี่ยวกับ “ระบอบการปกครองนีโอนาซี” ในยูเครน เพื่อสร้างความชอบธรรมในการยกทัพเข้ารุกรานยูเครน
ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งก่อนของยูเครนในปี 2019 ผู้สมัครรับเลือกตั้งฝ่ายขวาจัดได้รับคะแนนสนับสนุนเพียง 2% ซึ่งต่ำกว่าหลายประเทศในยุโรปมาก
- นักการทูตหมายเลข 1 ของจีนพบปูติน ก่อนครบ 1 ปี สงครามยูเครน
- ไบเดนยกย่องความเป็นปึกแผ่นของนาโต ด้านปูตินอ้างชาติตะวันตกคือฝ่ายเริ่มสงคราม
- รัสเซีย ยูเครน : 1 ปี แห่งสงคราม ความแหลกลาญที่ยังไม่จบ
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนยังเป็นคนเชื้อสายยิว และสมาชิกในครอบครัวของเขาก็เสียชีวิตในเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวของนาซี หรือที่เรียกว่า ฮอโลคอสต์ (Holocaust)
อย่างไรก็ตาม ในยูเครนมีฝ่ายขวาจัดอยู่ด้วยกันหลายกลุ่ม โดยกลุ่มที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดคือ กองกำลังอะซอฟ (Azov regiment) ซึ่งมีแนวคิดบางส่วนที่สนับสนุนอุดมการณ์นาซี
กลุ่มดังกล่าวก่อตั้งขึ้นเพื่อต่อต้านกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนที่รัสเซียให้การหนุนหลัง ซึ่งยึดหลายพื้นที่ภาคตะวันออกของยูเครนในปี 2014 และเมื่อสงครามปะทุขึ้นเมื่อ 24 ก.พ.กองกำลังอะซอฟได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพยูเครน
“หนึ่งในกองพลน้อยของกองทัพยูเครน…ได้รับการตั้งชื่อว่า เอเดลไวส์ เหมือนกองทหารของฮิตเลอร์”
ในคำกล่าวอ้างตอนนี้ นายปูตินพยายามเปรียบเทียบทหารยูเครนหน่วยหนึ่งกับกองพลภูเขาที่ 1 (1st Mountain Division) ของนาซี ซึ่งมีดอกเอเดลไวส์ (Edelweiss) เป็นเครื่องหมายประจำหน่วย โดยในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กองพลนี้ได้ก่ออาชญากรรมสงคราม
เมื่อวันที่ 14 ก.พ. ประธานาธิบดีเซเลนสกีได้ตั้งชื่อ “เอเดลไวส์” เพื่อเป็นเกียรติให้แก่กองพลน้อยโจมตีเขตภูเขาหน่วยที่ 10 (10th Separate Mountain Assault Brigade) ของยูเครน
ในวันต่อมา กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียโพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์โดยชี้ให้เห็นว่านี่คือ “หลักฐาน” ของผู้ฝักใฝ่นาซีในยูเครน
อย่างไรก็ตาม เอเดลไวส์ ซึ่งเป็นดอกไม้ที่ขึ้นอยู่ทั่วภูมิภาคต่าง ๆ ในเทือกเขาแอลป์ มักถูกใช้เป็นเครื่องหมายของทหารภูเขาหน่วยต่าง ๆ ในยุโรป รวมถึงหน่วยกู้ภัยภูเขาแห่งโครเอเชีย เครื่องหมายพลเอกแห่งกองทัพสวิตเซอร์แลนด์ และกองพลน้อยปืนยาวที่ 21 แห่งโปแลนด์
แม้แต่รัสเซียเองก็เคยมีทหารหน่วยพิเศษที่ได้รับการตั้งชื่อว่า เอเดลไวส์ ในปี 2011 ก่อนจะได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น “อาวองการ์ด” (Avanguard) ในปี 2013
“พวกเรายังจำได้ถึงความพยายามของรัฐบาลยูเครนในการแสวงหาอาวุธนิวเคลียร์มาครอบครอง เพราะพวกเขาพูดเรื่องนี้อย่างเปิดเผย”
ไม่มีหลักฐานยืนยันว่ายูเครนได้พยายามแสวงหาอาวุธนิวเคลียร์มาไว้ในครอบครอง ขณะที่นายปูตินซึ่งกล่าวถึงเรื่องนี้หลายครั้ง ก็ไม่เคยแสดงหลักฐานยืนยันคำพูดของตัวเอง
เมื่อครั้งที่ยังเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต ยูเครนเคยเป็นฐานที่ตั้งของอาวุธนิวเคลียร์ แต่ในปี 1994 ยูเครนได้ลงนามในสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (Nuclear Non-Proliferation Treaty) และได้ยกเลิกการครอบครองอาวุธเหล่านี้ เพื่อแลกกับการรับประกันความมั่นคงของชาติ
ในปี 2021 นายอันดรี เมลนิก เอกอัครราชทูตยูเครนประจำเยอรมนี ระบุว่า หากยูเครนไม่สามารถเข้าเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต ก็อาจต้องทบทวนสถานะประเทศปลอดอาวุธนิวเคลียร์ของตน
ในปี 2022 ประธานาธิบดีเซเลนสกี ระบุว่า แม้ยูเครนจะ “ละทิ้ง” ขีดความสามารถด้านนิวเคลียร์ไปแล้ว แต่ก็ยัง “ไม่มีความมั่นคงปลอดภัย”
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยูเครนไม่ได้แสดงความประสงค์ในการแสวงหาอาวุธนิวเคลียร์มาครอบครอง และเอกสารว่าด้วยยุทธศาสตร์การทหารที่เผยแพร่ในปี 2021 ก็ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องอาวุธนิวเคลียร์
ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency หรือ IAEA) ระบุว่าไม่เห็นสัญญาณการแปรวัสดุนิวเคลียร์เพื่อกิจกรรมสันติในยูเครนไปใช้เพื่อจุดประสงค์อื่น
“จีดีพีปี 2022 ลดลงไปเพียง 2.1% และผมขอเตือนความจำของพวกคุณว่าพวกนั้นเคยทำนายเอาไว้ว่าเศรษฐกิจรัสเซียจะล่มสลายในเดือน ก.พ.หรือ มี.ค.”
ประธานาธิบดีปูตินพูดถูกว่าเศรษฐกิจรัสเซียหดตัวลงน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้
สำนักงานสถิติของรัสเซีย ระบุว่า เศรษฐกิจรัสเซียซึ่งวัดจากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ จีดีพี หดตัวลง 2.1% ซึ่งใกล้เคียงกับตัวเลขประมาณการ 2.2% ในรายงานล่าสุดของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ
การหดตัวดังกล่าวทำให้รัสเซียเป็นชาติที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจย่ำแย่ที่สุดในรายการจัดอันดับของไอเอ็มเอฟ แต่ไอเอ็มเอฟยืนยันว่า เศรษฐกิจในปีที่ผ่านมาของรัสเซียมีการหดตัวน้อยกว่าที่คาด
ไอเอ็มเอฟชี้ว่า ที่เป็นเช่นนี้เพราะรัสเซียหันไปทำการค้ากับประเทศที่ไม่ดำเนินตามมาตรการคว่ำบาตรของบรรดาชาติตะวันตก
ยกตัวอย่างเช่น อินเดียและจีนที่กลายเป็นผู้ซื้อน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของรัสเซีย ในขณะที่บรรดาชาติตะวันตกดำเนินมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและจำกัดการซื้อสินค้าด้านพลังงานจากรัสเซีย
ในเดือน ก.พ. 2022 ไอเอ็มเอฟเคยคาดการณ์ว่าตัวเลขจีดีพีของรัสเซียในปีนั้นจะหดตัวลง 6%
หมายเหตุ : ข่าว บีบีซี ไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว