รัสเซีย ยูเครน : เหตุผลแท้จริงที่จีนโน้มน้าวให้ยูเครนและรัสเซียสงบศึก

 

นายหวัง อี้ ให้สื่อฮังการีถ่ายรูปด้วยท่าทางที่เป็นมิตรขณะพบกับนายปีเตอร์ ซียาร์โต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและต่างประเทศ

Getty Images
นายหวัง อี้ ให้สื่อฮังการีถ่ายรูปด้วยท่าทางที่เป็นมิตรขณะพบกับนายปีเตอร์ ซียาร์โต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและต่างประเทศ

ช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ชาติตะวันตกพยายามโน้มน้าวให้จีนช่วยพวกเขายุติสงครามยูเครน ตอนนี้ รัฐบาลจีนได้แสดงท่าทีตอบรับที่ชัดเจนที่สุดในช่วงที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนไม่ใช่สิ่งที่ชาติตะวันตกหลายชาติต้องการ

ในช่วงไม่กี่วันนี้ จีนได้เปิดฉากโน้มน้าวชาติต่าง ๆ โดยเริ่มจากการเดินทางเยือนยุโรปของนายหวัง อี้ นักการทูตระดับสูงสุดของจีน โดยเขาได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียในกรุงมอสโก

รัฐบาลจีนได้ออกเอกสารแสดงจุดยืนถึง 2 ฉบับ จีนได้เสนอทางออกของสงครามนี้ในเอกสารฉบับแรก ส่วนฉบับที่ 2 จีนได้เสนอแผนการสำหรับทำให้เกิดสันติภาพขึ้นในโลก

เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นประเด็นหารือที่จีนได้เน้นย้ำในช่วงปีที่ผ่านมา เรียกร้องให้เคารพอธิปไตย (ของยูเครน) และปกป้องผลประโยชน์ความมั่นคงแห่งชาติ (ของรัสเซีย) ขณะที่ได้ต่อต้านการใช้มาตรการคว่ำบาตรแต่เพียงฝ่ายเดียว (โดยสหรัฐฯ)

ชาติตะวันตกอาจจะไม่ได้รู้สึกชื่นชอบท่าทีของจีนในการพยายามสงบศึก และคิดว่า ไม่น่าจะเป็นเป้าหมายหลักของรัฐบาลจีน

อันดับแรก จีนพยายามแสดงจุดยืนในฐานะผู้สร้างสันติภาพโลกอย่างชัดเจน โดยจะเห็นได้จากการที่จีนพยายามที่จะโน้มน้าวชาติใดบ้าง จากหนึ่งในเอกสารของจีนซึ่งได้มีการเชื่อมโยงไปถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, แอฟริกา และอเมริกาใต้ หรือที่เรียกว่า ซีกโลกใต้ (Global South)

ในการแสดงวิสัยทัศน์ทางเลือกต่อการจัดระเบียบโลกที่นำโดยสหรัฐฯ จีนได้ขอการสนับสนุนจากประเทศที่เหลือในโลก ซึ่งกำลังรอชมอยู่ว่า ชาติตะวันตกจะจัดการกับวิกฤตยูเครนอย่างไร

แต่อีกเป้าหมายหนึ่งคือ การส่งสัญญาณที่ชัดเจนไปยังสหรัฐฯ

“มีลักษณะของการท้าทายอยู่” อเล็กซานเดอร์ โคโรเลฟ ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์จีน-รัสเซีย มหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ (University of New South Wales) กล่าว “จีนกำลังส่งสัญญาณว่า ‘ถ้าสิ่งต่าง ๆ เลวร้ายลงระหว่างเรา ฉันมีคนที่จะไปหา รัสเซียไม่ได้อยู่เพียงลำพัง ซึ่งหมายความว่า ฉันจะไม่โดดเดี่ยวเมื่อถึงเวลาต้องเผชิญหน้า… อย่ากลั่นแกล้งฉันอย่างสบายใจ'”

บรรดานักสังเกตการณ์ระบุว่า จังหวะเวลาเผยให้เห็นอะไรบางอย่าง ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนมาถึงจุดต่ำสุดครั้งใหม่ ย่ำแย่ลงจากเรื่องบอลลูนสอดแนม บางคนยังตั้งคำถามด้วยว่า ทำไมจีนได้พยายามผลักดันการทูตครั้งใหญ่เพื่อให้เกิดสันติภาพในยูเครนขึ้นในตอนนี้

“จีนมีโอกาสมากพอในการแสดงความเป็นผู้นำ จีนได้รับเชิญในช่วงแรกให้เข้าร่วมการยุติสงครามนี้…ถ้าเป้าหมายคือการแสดงภาพลักษณ์การเป็นผู้นำโลกจริง ๆ คุณไม่จำเป็นต้องนั่งรอบนรั้วนาน 1 ปี ถึงพยายามออกมาวิ่งเต้นทางการทูต” ดร.โคโรเลฟ กล่าว

เป้าหมายที่ 3 และเห็นได้จากกำหนดการของนายหวัง

การเยือนฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี และฮังการี ซึ่งจีนมองว่า ผู้นำชาติเหล่านี้ ไม่ได้มีท่าทีที่แข็งกร้าวต่อรัสเซียมากนัก นายหวังอาจจะดูแนวโน้มว่า จีนจะสามารถโน้มน้าวยุโรปบางส่วนให้เข้ามาอยู่ในวงโคจรของจีนได้หรือไม่

จาง ซิน ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์การเมืองระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยอีสต์ไชน่านอร์มอล (East China Normal University) กล่าวว่า รัฐบาลจีนเห็นถึง “ผลประโยชน์ที่มาบรรจบกันอย่างมีเหตุผล” กับประเทศเหล่านี้ ผู้เชี่ยวชาญผู้นี้กล่าวว่า “จีนเชื่อว่า สหรัฐฯ มีอำนาจที่ครอบงำ และคนส่วนใหญ่ในอีกฝั่งหนึ่งของมหาสมุทรแอตแลนติกอาจจะได้ประโยชน์จากการออกจากระบบนั้น”

แต่ก็ไม่ยังไม่แน่นอนว่า จีนจะประสบความสำเร็จในเป้าหมายนั้นหรือไม่ สุนทรพจน์ของนายหวังที่การประชุมความมั่นคงมิวนิก (Munich Security Conference) ซึ่งเขาได้วิจารณ์สหรัฐฯ ไม่ได้ส่งผลดีนักในห้องที่เต็มไปด้วยพันธมิตรที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ และนักการทูตหลายคนบอกว่า การวิจารณ์ของนายหวัง ทำให้เกิดความกังขาต่อแรงจูงใจที่แท้จริงของจีนมากขึ้นอีกด้วย

การเดินทางเยือนหลายประเทศของนายหวัง “เป็นการพยายามที่โจ่งแจ้งมากในการบอกว่า ‘เราไม่มีปัญหาอะไรกับยุโรป เรามีปัญหากับสหรัฐฯ เราสามารถแก้ไขสิ่งต่าง ๆ กับพวกคุณชาวยุโรปได้และพวกคุณจำเป็นต้องเข้าใจว่า สหรัฐฯ กำลังนำคุณไปสู่หนทางที่เป็นปัญหา'” แอนดรูว์ สมอลล์ นักวิจัยอาวุโสที่เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ยุโรป-จีน ที่กองทุนเยอรมันมาร์แชลล์ (German Marshall Fund) กล่าว

“แต่ผมคิดว่า ส่วนใหญ่ในยุโรป ข้อความเช่นนี้ไม่ได้ช่วยดึงดูดได้มากนัก”

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ให้การต้อนรับนายหวัง อี้ อย่างอบอุ่นในกรุงมอสโก

EPA
ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ให้การต้อนรับนายหวัง อี้ อย่างอบอุ่นในกรุงมอสโก

คำถามสำคัญในตอนนี้คือ รัฐบาลจีนจะทำตามคำที่บอกว่า จะสร้างสันติภาพหรือไม่ ขณะที่จีนกระชับความสัมพันธ์กับรัสเซีย

สหรัฐฯ เตือนในสัปดาห์นี้ว่า จีนกำลังพิจารณามอบอาวุธร้ายแรงให้รัสเซีย และระบุว่า บริษัทของจีนได้มอบเทคโนโลยีที่ไม่ได้เป็นภัยร้ายแรงและใช้ได้ทั้งด้านการทหารและพลเรือนให้กับยูเครนอยู่แล้วอย่างโดรนและสารกึ่งตัวนำ

จีนได้ตอบโต้เรื่องนี้ด้วยคำกล่าวที่แสดงถึงความไม่พอใจอย่างรุนแรงและเปิดเผย แต่ในการหารือกัน นายหวังได้แสดงความชัดเจนต่อโจเซป บอร์เรลล์ เจ้าหน้าที่ทางการยุโรปว่า จีนจะไม่มอบอาวุธร้ายแรงให้กับรัสเซีย

นายบอร์เรลล์ ระบุว่า นายหวังยังได้ถามด้วยว่า “ทำไมคุณจึงแสดงความกังวลว่า ผมอาจจะมอบอาวุธให้รัสเซีย ในเมื่อคุณก็มอบอาวุธให้ยูเครน” บรรดานักสังเกตการณ์ระบุว่า นี่คือข้อความที่เปิดเผยว่า รัฐบาลจีนเชื่อมั่นอย่างแท้จริงว่า ควรกล่าวโทษชาติตะวันตกที่เติมเชื้อเพลิงสงครามนี้

“การส่งอาวุธให้กับฝ่ายที่ทำสงครามอยู่ฝ่ายใดก็ตาม ถือว่าเป็นการยกระดับเพิ่มขึ้น นั่นคือจุดยืนของทางการจีนจนถึงปัจจุบันนี้” ดร.จาง กล่าว

มีการตั้งข้อสงสัยว่า รัฐบาลจีนจะส่งอาวุธให้กับรัฐบาลรัสเซียจริงหรือ เพราะการทำเช่นนี้ไม่ได้ส่งผลดีต่อผลประโยชน์ของจีน

คนอื่น ๆ จะมองท่าทีเช่นนี้ว่า เป็นการยกระดับสงครามอย่างชัดเจน และจะนำไปสู่การคว่ำบาตรและอุปสรรคทางการค้ากับชาติตะวันตก ซึ่งจะส่งผลร้ายแรงต่อจีน เพราะสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนทางการค้ารายใหญ่ที่สุดของจีน

นอกจากนี้ก็จะทำให้เกิดความตึงเครียดระดับโลกอย่างมาก และน่าจะทำให้ชาติพันธมิตรของสหรัฐฯ หันไปหาสหรัฐฯ มากยิ่งขึ้น เป็นการขัดขวางเป้าหมายของรัฐบาลจีนในการขอความสนับสนุนจากชาติเหล่านี้ ขณะที่จีนแสดงการท้าทายสหรัฐฯ มากขึ้น

นักสังเกตการณ์หลายคนบอกว่า สิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นมากกว่าคือ รัฐบาลจีนจะสนับสนุนทางอ้อมต่อไป หรือเพิ่มการสนับสนุนนี้มากขึ้น อย่างการส่งเสริมการค้าขายที่ช่วยต่อชีวิตทางการเงินให้กับรัฐบาลรัสเซีย และการงดเว้นการออกเสียงสนับสนุนการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย

ดร.สมอลล์ บอกว่า จีนอาจจะส่งเทคโนโลยีที่ใช้ได้ทั้งทางการทหารและพลเรือนให้มากขึ้นโดยผ่านประเทศที่ 3 อย่างอิหร่านหรือเกาหลีเหนือ เพื่อที่จีนจะสามารถให้การสนับสนุน “ที่จีนปฏิเสธได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”

แต่เขาเตือนว่า ถ้าสงครามยืดเยื้อต่อไป ปัญหาเรื่องการให้อาวุธร้ายแรงก็จะกลับมาเป็นประเด็นอีกครั้ง

“ยังไม่มีคำถามว่า สิ่งสำคัญแบบไหนที่จีนอาจถูกขอให้ช่วย เพราะก่อนหน้านี้ รัสเซียไม่จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือให้ส่งสิ่งของต่าง ๆ ให้” ดร.สมอลล์ กล่าว “แต่ถ้ารัสเซียไปถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ จีนจะบอกรัสเซียได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า จะไม่ช่วยรัสเซียได้นานแค่ไหน”

ไม่กี่วันก่อนที่จะเกิดสงครามในยูเครน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ได้ประกาศว่า พวกเขา “มีมิตรภาพที่ไม่มีขีดจำกัด”

1 ปีผ่านไป จีนจะต้องตอบคำถามว่า จีนจะไปได้ไกลถึงแค่ไหนในการช่วยเหลือมิตรที่พิเศษของจีน

หมายเหตุ : ข่าว บีบีซี ไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว