ผลิตผลทางความคิดที่ได้รับอิทธิพลแห่งยุคสมัยของ “Y2K” หรือ “การเปลี่ยนผ่านสหัสวรรษสู่ปี 2000” (year 2000) กำลังกลับมาโลดแล่นอีกครั้งในปัจจุบันผ่านอุตสาหกรรมบันเทิง แฟชั่น นับตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา
ตอนนี้ กระแสดังกล่าวก็กำลังเป็นบทสนทนาบนสื่อสังคมออนไลน์ แม้ว่าเมื่อกว่า 20 ปีก่อนจะเคยถูกเชื่อกันว่า การสื่อสารในโลกอินเทอร์เน็ตจะล่มสลายเพราะวิกฤตการคอมพิวเตอร์ ซึ่งหลายคนเรียกว่า “บั๊กแห่งสหัสวรรษ (Millennium Bug)”
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 2 พ.ค. ย้อนหลัง 10 ปี
- หวยงวด 2 พ.ค. เช็กสถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งฯ ย้อนหลัง 10 ปี
- บริษัทดังประกาศปิดกิจการ ทุกสาขาทั่วประเทศ เลิกจ้างหลายชีวิต
อะไรคือ “Millennium Bug”
คนที่ผ่านยุคปลายทศวรรษ 1990 คงจดจำเหตุการณ์สะเทือนโลก หลังจากผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศหรือไอที ออกมาเตือนว่าระบบคอมพิวเตอร์อาจจะมีปัญหา เนื่องจากวิศวกรคอมพิวเตอร์ในช่วงปี 1960-1980 ได้ตั้งค่าให้คอมพิวเตอร์อ่านตัวเลขเพียง 2 ตำแหน่งหลังเท่านั้น จึงทำให้ความสามารถของคอมพิวเตอร์อ่านได้ถึงเลข 99 เท่านั้น
ดังนั้น เมื่อสิ้นสุดปี 1999 ผ่านไปยังวันที่ 1 ม.ค. 2000 มีการคาดการณ์ว่าคอมพิวเตอร์จำนวนมากจะเกิดบั๊กดังกล่าว ที่ไม่สามารถประมวลผลให้เป็นปี 2000 แต่จะแปลข้อมูลย้อนกลับไปเป็นปี 1900 แทน
ความกังวลดังกล่าวทำให้หลายประเทศและองค์กรธุรกิจต่าง ๆ ต้องเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
เฟซบุ๊กแฟนเฟจของพิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีสารสนเทศ อพวช. เคยโพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2022 เพื่อย้อนระลึกถึงปัญหาที่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นจากในเหตุการณ์ Y2K ดังนี้
- คอมพิวเตอร์ของธนาคารคำนวณดอกเบี้ยติดลบไป 100 ปี
- สายการบินเกิดปัญหากับระบบบันทึกตารางบินที่ย้อนกลับไปเป็น 1900
- ระบบคอมพิวเตอร์ในโรงพยาบาลของประเทศเดนมาร์กบันทึกอายุเด็กทุกคนที่เกิดในวันแรกของ 2000 ว่ามีอายุ 100 ปี
- เสียงเตือนฉุกเฉินของปฏิกรณ์พลังงานนิวเคลียร์ในประเทศญี่ปุ่นดังขึ้นเป็นเวลากว่า 2 นาที เมื่อเข้าสู่ปี 2000
- ดาวเทียมของสหรัฐอเมริกาไม่สามารถใช้งานได้ไป 3 วัน
1 ม.ค. 2000 เกิดอะไรขึ้นบ้าง
ในช่วงปลายเดือน ธ.ค. 1999 ความวิตกกังวลต่อเหตุการณ์ Y2K ก่อตัวขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องจากหวั่นว่าระบบคอมพิวเตอร์จะทำงานผิดปกติทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นภาคการเงิน การศึกษา การคมนาคม การแพทย์ ระบบความมั่นคงทางทหาร ระบบด้านพลังงาน และธุรกิจองค์กรต่าง ๆ ทั้งขนาดใหญ่และส่วนบุคคล
อย่างไรก็ตาม ในที่สุดก็ไม่มีอะไรรุนแรงเกิดขึ้น ทุกอย่างก็ผ่านลุล่วงไปด้วยดี
แม้ว่าทุกอย่างก็ผ่านลุล่วงไปด้วยดี แต่ก็มีรายงานว่ามีองค์กรบางแห่งในโลกได้รับผลกระทบอยู่บ้าง
เว็บไซต์บีบีซีเขียนรายงานเรื่อง “How the UK coped with the millennium bug 15 years ago” (สหราชอาณาจักรจัดการกับบั๊กแห่งสหัสวรรษ เมื่อ 15 ปีก่อน อย่างไร” ในโอกาสครบรอบเหตุการณ์ Y2K ครบรอบ 15 ปี
ส่วนหนึ่งของรายงานเรื่องดังกล่าวระบุถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับระบบสารสนเทศขององค์กรชั้นนำ ดังนี้
- สหรัฐอเมริกา – หอดูดาวกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา รายงานตัวเลขปี บนเว็บไซต์เมื่อผ่านเข้าสู่ปีใหม่เป็น 19100 แทนที่จะเป็น 2000
- สหรัฐอเมริกา – เครื่องสล็อตแมชชีนกว่า 150 ตู้ทำงานล้มเหลว ในรัฐเดลาแวร์
- ญี่ปุ่น – ระบบเก็บข้อมูลการบินสำหรับเครื่องบินเล็กล้มเหลว
- ออสเตรเลีย – เครื่องตรวจสอบตั๋วโดยสารล้มเหลว
- สเปน – มีผู้ใช้แรงงานถูกเรียกตัวให้รายงานที่ศาลแรงงานย้อนหลังไปในวันที่ 3 ก.พ. 1900
- เกาหลีใต้ – ศาลเขตเรียกตัวประชาชชนกว่า 170 คนมายังศาล ย้อนหลังไปในวันที่ 4 ม.ค. 1900
- อิตาลี – อิตาเลีย บริษัทด้านโทรคมนาคมส่งใบเสร็จเรียกเก็บเงินไปยังลูกค้าย้อนหลังสำหรับสองเดือนแรกของปี 1900
- สหราชอาณาจักร – การทำธุรกิจผ่านบัตรเครดิตบางรายล้มเหลว
สำหรับในไทย มีรายงานว่า มีประชาชนบางส่วนแห่ถอนเงินในช่วงก่อนปีใหม่ 2000 เนื่องจากกังวลว่าระบบไอทีของธนาคารจะขัดข้อง แม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคารไทยและธนาคารพาณิชย์ยืนยันว่าระบบปลอดภัย
Y2K มีความหมายมากกว่าเรื่องไอที
ความโด่งดังของ Y2K ทั้งก่อนและหลังเหตุการณ์วันที่ 1 ม.ค. 2000 ได้กลายหนึ่งในสัญลักษณ์แห่งยุคสมัยของสหัสวรรษใหม่ โดยเฉพาะกระแสความนิยมในอุตสาหกรรมบันเทิง แฟชั่น แวดวงไอทีและอุปกรณ์สื่อสาร
เว็บไซต์นิตยสาร Creative Thailand ของศูนย์สร้างสรรค์การออกแบบ (TCDC) ได้อธิบายแฟชั่นในยุค Y2K ว่า “แฟชั่นเสื้อเบบี้ทีทรงครอปท็อป กระโปรงยีนส์มินิสเกิร์ต กางเกงขายาวทรงคาร์โก้ เครื่องประดับสุดฮิตทั้งสร้อยลูกปัดสีสันสดใส ปลอกแขน ถุงเท้าข้อยาว ไปจนถึงกลิตเตอร์ระยิบระยับที่ขับให้คนสวมใส่ดูโดดเด่นและดูมีสไตล์”
แฟชั่นดังกล่าวสะท้อนออกมาจากสื่อภาพยนตร์และซีรีส์ดังจากอเมริกา อย่าง Mean Girls (2004) ผ่านการแต่งตัวของตัวละครในยุคนั้น ในขณะที่ฟากฝั่งของเอเชียก็ได้รับอิทธิพลมาเช่นกัน สืบเนื่องจากพัฒนาการและความเฟื่องฟูของอุตสาหกรรมบันเทิงของเกาหลีใต้ ภายใต้กระแส K-Pop ผ่านความสำเร็จของศิลปินกลุ่มชื่อดังอย่าง TVXQ, Super Junior, Girls’ Generation, BIGBANG, 2NE1 และ Wonder Girls
ขณะที่ไทยเองก็ไม่สามารถหลุดพ้นกระแส Y2K โดยนิตยสารของ TCDC ยกตัวอย่าง ละครแนวโรแมนติกคอมเมดี้ “เบญจา คีตา ความรัก” ที่ออกอากาศทางช่อง 7 สี ในปี 2003 ก็สะท้อนแฟชั่นการแต่งกายในยุคนี้ด้วยเช่นกัน ส่วนในกลุ่มธุรกิจดนตรี ตัวอย่างคือ ศิลปินกลุ่ม “กามิกาเซ่” (kamikaze), FFK (เฟย์ ฟาง แก้ว), K-OTIC (เคโอติก), หวาย ขนมจีน รวมทั้ง โฟร์-มด เป็นต้น
การกลับมาของ Y2K ครั้งนี้ต่างจากเมื่อ 20 ปีอย่างไร
กระแสการกลับมาของแฟชั่นในยุค Y2K เริ่มเป็นที่พูดถึงในสื่อมวลชนมาแล้วราว 1-2 ปี แต่ยังไม่มีคำอธิบายอย่างชัดเจนว่า เพราะเหตุใดกระแสความนิยมที่ห่างหายไปกว่า 10 ปี ถึงหวนกลับมา มีชุดคำอธิบายในเชิงการตลาดคือ “กระแสความโหยหาอดีต” และ “วัฎจักรของแฟชั่น”
ทว่า สื่อมวลชนทั้งในไทยและต่างประเทศต่างรายงานตรงกันว่า สิ่งที่เห็นได้ชัดว่า กระแสนี้เกิดขึ้นภายใต้การสนับสนุนของกลุ่มคนเจเนเรชั่น Z (ที่มีอายุระหว่าง 18-25 ปี) และมองว่ากระแสดังกล่าวส่วนหนึ่งมาจากกลุ่มผู้ทรงอิทธิพลและผู้มีชื่อเสียงจากสหรัฐฯ เช่น เบลลา ฮาดิด, เฮลีย์ บีเบอร์, ดูอา ลิปา และกลุ่มศิลปินจากเกาหลีใต้อย่าง นิวจีนส์ ที่หันมาแต่งตัวตามแนวแฟชั่น Y2K ที่มีส่วนจุดประกายให้ผู้ติดตามหันมาแต่งตัวตามมากขึ้น
ส่วนข้อสังเกตสำคัญในการกลับมาครั้งนี้ของแฟชั่นคือ ด้วยบริบทในยุคปัจจุบัน แนวความคิดเรื่อง “การเปิดกว้างยอมรับความหลากหลาย (inclusivity) ในวงการแฟชั่นมากขึ้น ทำให้กลายเป็นความแตกต่างที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนในการนำแฟชั่นรุ่นพ่อและแม่กลับมา
จุดแห่งความเจ็บปวด (pain point) ของแฟชั่น Y2K ในทศวรรษก่อนที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์คือ เสื้อผ้าในยุคนั้นจะเน้นการออกแบบและสื่อออกมาเพื่อสำหรับคนมีร่างกายที่มีรูปร่างผอมเพรียวเท่านั้น แต่ในยุคปัจจุบัน ด้วยความเปิดกว้างทำให้ใครก็ตามที่มั่นใจในตัวเองก็สามารถแต่งกายในแบบ Y2K ได้
หรือไม่ก็ สามารถเป็น อีกี้” (ตัวละครสมมติในแบบที่คนกลุ่มหนึ่งเรียกว่า “สก๊อยสาวยุค Hi5” ที่เป็นหนึ่งในตัวละครในมิวสิควิดีโอเพลง “ธาตุทองซาวด์” ของ ยังโอม ที่กำลังเป็นกระแส”) ได้ในแบบของตัวเอง
ด้วยกระแส “อีกี้” และ “Y2K” ทำให้คนสังคมออนไลน์ต่างพากันแชร์ภาพถ่ายในอดีตที่อยู่ในช่วงยุค Y2K กลายเป็นกระแสนิยมอยู่ในขณะนี้
“โย่ว และนี่คือเสียงจากเด็กวัด…”
หมายเหตุ : ข่าว บีบีซีไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว