สาธารณสุข เร่งฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป เชิงรุกในกลุ่มผู้สูงอายุ

กระทรวงสาธารณสุข ให้บริการฉีดวัคซีนสำเร็จรูป LAAB ในกลุ่มผู้สูงอายุ
ภาพจาก Canva

กระทรวงสาธารณสุข จัดกิจกรรม “ปกป้องกลุ่มเปราะบาง เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน” ให้บริการฉีด ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (LAAB) เชิงรุกในกลุ่มผู้สูงอายุ

วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายให้ความสำคัญในการดูแลกลุ่มผู้สูงอายุ ด้วยการส่งเสริม สุขภาพ เพิ่ม ความสุข ให้ผู้สูงอายุมีชีวิตยืนยาวอย่างมีคุณภาพ โดยประกาศให้เป็น ปีแห่งสุขภาพสูงวัยไทย ซึ่งกิจกรรม “ปกป้องกลุ่มเปราะบาง เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน” โดยการจัดบริการฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (LAAB) ให้กับผู้สูงอายุในสถานดูแลผู้สูงอายุ และผู้สูงอายุที่เข้ารับการบริการที่สถานพยาบาล เพื่อสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ตอบสนองต่อวัคซีนได้น้อยกว่าคนทั่วไป

ซึ่งการให้วัคซีนปกติอาจทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันได้ไม่เพียงพอ และยังต้องใช้เวลาในการสร้างภูมิคุ้มกันนานประมาณ 14 วัน แต่หากได้รับ LAAB ร่างกายจะมีภูมิคุ้มกันที่ใช้ต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้ทันที และยังพบผลข้างเคียงน้อยมาก รวมถึงมีผลการศึกษาพบว่าในระยะเวลา 6 เดือนสามารถป้องกันโรคโควิดแบบมีอาการได้ถึง ร้อยละ 82.8 และสามารถยับยั้งเชื้อโอมิครอน BA2.75 ซึ่งเป็นสายพันธุ์หลักที่กำลังระบาดในประเทศไทยได้ จึงขอให้ทุกจังหวัดประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อรณรงค์บริการฉีด LAAB ในผู้สูงอายุทั้งในสถานดูแลผู้สูงอายุ และโรงพยาบาล

กระทรวงสาธารณสุข ให้บริการฉีดวัคซีนสำเร็จรูป LAAB ในกลุ่มผู้สูงอายุ
ภาพจาก สำนักสารนิเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข

ด้านนายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กว่า 2 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ให้บริการวัคซีนโควิด-19 แก่ประชาชนแล้วกว่า 146 ล้านโดส โดยในกลุ่มผู้สูงอายุซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงที่จะป่วยอาการหนักและเสียชีวิตประมาณ 12.7 ล้านคนทั่วประเทศ พบว่า ได้รับวัคซีน 2 เข็มแล้ว 10.2 ล้านคน (ร้อยละ 80) และได้รับเข็มที่ 3 แล้ว 5.6 ล้านคน (ร้อยละ 44) ส่วนการฉีด LAAB ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคม 2565 มีกลุ่มเปราะบางที่ได้รับ LAAB จำนวน 57,000 ราย ในจำนวนนี้เป็นกลุ่มผู้สูงอายุ 25,000 ราย

ทั้งนี้ ยังมีกลุ่มเป้าหมายอีกจำนวนมากที่จำเป็นต้องได้รับ LAAB เพื่อสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 กระทรวงสาธารณสุขจึงเพิ่มการเข้าถึงบริการ LAAB ด้วยแนวทาง “เข้าเกณฑ์ฉีด ควรรับฟังเพื่อตัดสินใจ หรือ Encouraging Decision” โดยให้บุคลากรทางการแพทย์ชี้แจงข้อมูล และเปิดโอกาสกลุ่มเสี่ยงได้ซักถามเพื่อสร้างความมั่นใจก่อนตัดสินใจลงนามฉีด LAAB ซึ่งปัจจุบันมีหน่วยบริการหลายแห่งให้บริการฉีด LAAB ในผู้สูงอายุแล้ว เช่น เขตสุขภาพที่ 3 และ 4 โรงพยาบาลราชวิถี เป็นต้น

สำหรับกลุ่มเป้าหมายหลักที่จำเป็นต้องสร้างเสริมภูมิคุ้มกันด้วย LAAB ได้แก่ กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปและผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง (กลุ่ม 607) ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้ที่ปลูกถ่ายอวัยวะ, ผู้ป่วยโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง, ผู้ป่วยโรคมะเร็ง, ผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน, ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ต้องฟอกไต รวมถึงผู้เป็นกลุ่มเสี่ยงตามเกณฑ์ที่มีภูมิคุ้มกันตํ่าหรือตามดุลพินิจของแพทย์