บริษัทใหญ่ปรับโครงสร้างเลิกจ้างกว่า 1 พันคน เตรียมส่งแรงงานกลับประเทศ

บริษัท บริษัทแคลคอมพ์อีเล็คโทรนิคส์ บริษัทผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ชื่อดัง ประกาศเลิกจ้างพนักงานกว่า1พันคน
ภาพจากมติชน

บริษัทผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ชื่อดัง ประกาศเลิกจ้างพนักงาน 1,060 คน รับเป็นผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 และวิกฤตหลายอย่าง พร้อมให้ความช่วยเหลือส่งแรงงานกลับประเทศ

วันที่ 5 เมษายน มติชน รายงานว่า กรณีที่บริษัทแคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้ ประกาศเลิกจ้างพนักงาน จำนวน 1,060 คน ในช่วงที่ผ่านมา (มีผลตั้งแต่ 1 เมษายน 2566) ล่าสุด ทางบริษัทได้ออกมาชี้แจงว่า การดำเนินการในครั้งนี้ สืบเนื่องจากปัญหาสถานการณ์โควิด-19 (COVID-19) แพร่ระบาด ที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2563

ซึ่งส่งผลกระทบเป็นอย่างมากต่อภาคการผลิตสินค้า และภาคขนส่ง เป็นเหตุทำให้ต้นทุนในการประกอบกิจการสูงขึ้น รวมถึงวิกฤตการขาดแคลนชิปในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก ประกอบกับสภาวะเศรษฐกิจล่าสุด ซึ่งมีแนวโน้มชะลอตัวลงมาตามลำดับจนปี 2566

ดังนั้น จึงจำเป็นต้องปรับลดแก้ไขปัญหาด้านกำลังการผลิต ทำให้มีจำนวนพนักงานเกินความต้องการ (ในสายการผลิต) จึงมีความพยายามที่จะปรับสภาพการทำงานลง และลดจำนวนเวลาทำงานของพนักงานลง ในแบบที่ 2 รวมถึงกะทำงานต่อวัน (12 ชั่วโมง), เป็นแบบ 3 กะทำงาน (ทำงาน 8 ชั่วโมง) ซึ่งการปรับสภาพการทำงานครั้งนี้จะไม่กระทบกับค่าจ้างรายวันของพนักงาน รวมทั้งบริษัทได้เพิ่มเงินพิเศษที่จ่าย เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับพนักงาน

เพิ่มกะทำงาน ปรับลดกำลังแรงงาน

และที่ผ่านมาทางบริษัทฯ ได้พยายามชี้แจงให้พนักงานทุกคนรับทราบถึงความจำเป็นและสภาพการณ์ทางธุรกิจที่เกิดขึ้น เหตุผลการปรับเปลี่ยนเวลาการทำงาน จากทำงานแบบ 2 กะ เป็นทำงานแบบ 3 กะ แต่เนื่องด้วยยังมีพนักงานบางส่วนที่ไม่เข้าใจในการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างงาน

ดังนั้น เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2566 เวลา 10.00 น. บริษัทฯ จึงจัดให้มีการประชุมร่วมกัน 3 ฝ่ายระหว่างบริษัทฯ หน่วยงานภาครัฐ คือ สำนักงานสวัสดิการคุ้มครองแรงงาน หน่วยงานอื่นๆ ในสังกัดกระทรวงแรงงาน ฝ่ายปกครอง และตัวแทนจากฝ่ายลูกจ้าง เพื่อหาทางออกร่วมกัน

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เชิญผู้แทนจากสถานทูตสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาประจำประเทศไทย เข้าร่วมสังเกตการณ์และเป็นสักขีพยาน โดยเปิดโอกาสให้พนักงานทุกคนลงคะแนนเสียงเลือกประเภทกะการทำงานที่ต้องการ

ผลการลงคะแนนปรากฏว่า พนักงานส่วนใหญ่ยอมรับและต้องการปรับสภาพทำงานเป็นแบบ 2 กะ คิดเป็นจำนวนถึงร้อยละ 85, พนักงานบางส่วน ยังคงต้องการทำงนแบบ 3 กะ คิดเป็นจำนวนร้อยละ15

“จากผลการลงคะแนนสำรวจความคิดเห็นของพนักงานนั้น แสดงให้เห็นว่า พนักงานส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือ และยอมรับการปรับสภาพการทำงานเป็น 2 กะ อย่างไรก็ดี ภายใต้สภาวการณ์และความจำเป็นทางเศรษฐกิจ ทางบริษัทฯจึงจำเป็นต้องเลิกจ้างพนักงานบางส่วนที่เกินความต้องการในสายการผลิต เพื่อให้บริษัท ฯ ยังดำเนินธุรกิจต่อไปอย่างมั่นคง

ยืนยันจ่ายค่าชดเชยและสิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย

ทั้งนี้ บริษัทยังได้ชี้แจงให้ทราบถึงผลการเลือก 2 กะ อย่างชัดเจนแล้ว และได้ปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับเรื่องการทำงาน อีกทั้งยังทำงานร่วมกับสำนักงานสวัสดิการคุ้มครองแรงงาน สำนักงานประกันสังคม และผู้แทนสถานทูตของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาประจำประเทศไทยในการดำเนินการชี้แจงข้อเท็จจริง และกระบวนการเลิกจ้างตามสิทธิที่มีอยู่ในสัญญาจ้างแรงงาน อย่างไรก็ตามบริษัทฯก็ได้จ่ายค่าชดเชย และสิทธิประโยชน์ที่พนักงานจะได้รับตามกฎหมาย”

แคล-คอมพ์ฯ บริษัทดังระบุด้วยว่า โดยหากพนักงานที่ประสงค์จะเดินทางกลับประเทศต้นทาง (เมียนมา) จะดำเนินการส่งพนักงานกลับประเทศ โดยบริษัทฯ จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าเดินทางทั้งฝั่งไทย (ด่านแม่สอด) และฝั่งเมียนม่า กลับภูมิลำเนาเดิมของคนงาน

นอกจากนั้นยังได้ตั้งศูนย์ประสานงานบริการ เพื่อให้การช่วยเหลือพนักงานที่ถูกเลิกจ้างดังกล่าว โดยมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลฯ คอยให้บริการฯ ทั้งให้คำปรึกษาอยู่ตลอด ก็เพื่อประสานงานต่าง ๆ และดูแลช่วยเหลือคนงานอย่างเท่าเทียมกันทุกคน