พาณิชย์ร่วม MOU ความร่วมมือเศรษฐกิจและการค้าไทย-เวียดนาม ตั้งเป้าขยายการค้า 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 63

พาณิชย์ร่วม MOU ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้า ไทย-เวียดนาม ตั้งเป้าขยายการค้าร่วมกันให้ได้ 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2563

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีเวียดนาม นายเหวียน ซวน ฟุก ระหว่างวันที่ 17-19 สิงหาคม 2560 นี้ จะมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพาณิชย์ไทยกับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้า เพื่อนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการค้า 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2563 รวมถึงผลักดันผลการประชุม JTC ไทย-เวียดนาม ในระดับนโยบายให้มีผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมได้ในอนาคต

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีทางเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนระหว่างกัน โดยทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันในหลายด้าน เช่น 1 การอำนวยความสะดวกทางการค้า 2 การสนับสนุนกิจกรรมส่งเสริมการค้า เช่น งานแสดงสินค้า การจับคู่ธุรกิจ และการสนับสนุนธุรกิจในเรื่องการแลกเปลี่ยนข้อมูลการค้า และสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการประกอบธุรกิจ 3 การพิจารณาใช้มาตรการเยียวยาทางการค้าเท่าที่จำเป็น โดยให้เป็นตามกฎระเบียบขององค์การการค้าโลก 4 การส่งเสริมการจัดประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee: JTC) เพื่อเป็นเวทีในการทบทวนปัญหาการค้าและเสริมสร้างความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนสองประเทศ และ 5 การใช้ประโยชน์จากความร่วมมือในระดับภูมิภาคและพหุภาคี เช่น อาเซียน GMS ACMECS และ CLMVT Forum

ทั้งนี้ ปี 2559 เวียดนามเป็นคู่ค้าอันดับที่ 7 ของไทยในโลก และอันดับที่ 4 ของไทยในกลุ่มอาเซียน รองจากมาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย การค้าของไทยกับเวียดนาม ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2555-2559) มีมูลค่าเฉลี่ยประมาณปีละ 11,170 ล้านเหรียญสหรัฐ มีอัตราการขยายตัวเฉลี่ย 8.83% ต่อปี โดยไทยเป็นฝ่ายเกินดุลการค้ามูลค่า 5,003.31 ล้านเหรียญสหรัฐ

สำหรับในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2560 (ม.ค.-มิ.ย.) การค้าระหว่างไทยกับเวียดนาม มีมูลค่าการค้ารวม 7,575.92 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 18.56 โดยไทยยังคงเป็นเป็นฝ่ายเกินดุลการค้ามูลค่า 2,908.14 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกที่สำคัญไปเวียดนาม ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง เครื่องปรับอากาศและอุปกรณ์ เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ ขณะที่สินค้านำเข้าหลัก ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ น้ำมันดิบ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์