คอลัมน์ : ชั้น 5 ประชาชาติ ผู้เขียน : กษมา ประชาชาติ
ในสมัยเด็ก ๆ หลายคนคงเติบโตมาพร้อมกับคำว่า ไทยกำลังเป็นเสือตัวที่ 5 ในเอเชีย เป็นชาติอุตสาหกรรมใหม่ที่เรียกว่านิกส์ ตอนนั้นฟังแล้วฮึกเหิมมาก
ผ่านมาจนถึงวันนี้ คำนั้นหายไปแล้ว
- วิธีลงทะเบียนแอป ทางรัฐ ยืนยันตัวตน รับเงินดิจิทัล 10,000 บาท
- กระทรวงเกษตรฯ ปลดล็อกการนำเข้าโคเนื้อ-กระบือจากประเทศเมียนมา
- อธิบดีราชทัณฑ์ เปิดไทม์ไลน์ บุ้ง ทะลุวัง ก่อนเสียชีวิต
ยิ่งไปกว่านั้น สมาชิกอาเซียนใหม่ 4 ประเทศที่เรียก CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ก็มักจะถูกนำมาล้อเล่นบ่อยครั้งว่า CLMT ไปแล้ว เพราะน้องใหม่อย่างเวียดนาม สามารถสร้างการเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดด
เช่น ในปีที่ผ่านมา จีดีพีเวียดนามเติบโต 8% มีนักลงทุนเข้าไปขยายการลงทุนโดยตรง (FDI) อย่างมโหฬาร 27,700 ล้านเหรียญสหรัฐ และในปีนี้มีแนวโน้มว่าจีดีพี เวียดนามจะเติบโต 6-7% ต่อเนื่อง
ซึ่งในงานสัมมนา “Thailand : New Episode บทใหม่ประเทศไทย 2023” หัวข้อ เดินหน้า New S-Curve จัดโดยเครือมติชน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา “สมโภชน์ อาหุนัย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ชี้ว่า ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความยากลำบาก บุญเก่าที่มีกำลังจะหมดไป หากในอีกไม่กี่ปีนี้ไทยยังไม่สามารถทำอะไรได้แบบเป็นชิ้นเป็นอัน อนาคตลูกหลานจะไม่มีโอกาสได้เริ่มต้นอย่างแข็งแกร่งเหมือนคนรุ่นเก่าที่เต็มไปด้วยโอกาส
ผลจากนโยบายพลังงานที่ผิดพลาด มีการตั้งสำรองไฟสูงเกินไป พึ่งพาก๊าซธรรมชาตินำเข้าราคาสูง โครงสร้างการผลิตไฟฟ้าเก่ากว่า 20 ปี ไม่สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบันที่เปลี่ยนไปแล้ว ผลคือราคาไฟฟ้าไทยแพงกว่าคู่แข่ง เทียบกันแล้วค่าไฟไทยหน่วยละ 5.33 บาท ขณะที่เวียดนาม ประมาณ 2.80 บาท
นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ FDI หันไปลงทุนเวียดนาม
เพราะเรียกว่าแค่เปิดเครื่อง…ไทยก็แพ้แล้ว
ไม่เพียงเท่านั้น ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย “เกรียงไกร เธียรนุกุล” ยังย้ำว่า ที่ผ่านมาเวียดนามทำความตกลงการค้าเสรีถึง 16 ฉบับ กับสมาชิก 54-55 ประเทศ ผู้ที่ลงทุนผลิตสินค้าเดียวกันในเวียดนามจะมีความได้เปรียบในการส่งออก
สอดคล้องกับ “กอบศักดิ์ ภูตระกูล” ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย และกรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ระบุว่า ขณะนี้มีการขอลงทุนโครงการต่าง ๆ เช่น โรงงานไฟฟ้า การขยายกิจการ ทำโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ คาดว่าภายใน 5 ปี จะเปลี่ยนทุกอย่างของอาเซียน คือโอกาสทุกอย่างกำลังเกิดขึ้น
แต่ทว่าท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงก็มี 2 ความท้าทายเกิดขึ้นมาคือ เทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนผ่าน โครงสร้างใหม่ที่กำลังลงไปเกิดขึ้นพร้อมกับบุญเก่าที่กำลังหมดไปของประเทศไทยอุตสาหกรรมหลายอุตสาหกรรมที่เคยพึ่งพาในอดีต ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ฮาร์ดดิสก์ โรงเหล็ก อาหาร กำลังถูกทดแทนจากรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) คลาวด์ รวมถึงวัสดุใหม่ ๆ ที่ผลิตปราศจากคาร์บอน อาหารที่กำลังเป็นเนื้อเทียม เป็นต้น
ที่สำคัญการลงทุนโดยตรงระหว่างประเทศ (เอฟดีไอ) ที่กำลังเข้าอาเซียน ประเทศเวียดนามได้ไป 3 เท่าของประเทศไทย ทุก 1 โรงงานที่ไทยได้ เวียดนามจะได้ไป 3 โรงงาน อินโดนีเซียก็ได้เช่นกัน
ดังนั้น ไทยต้องแก้เกมสร้าง Thailand Opportunity คว้าโอกาสในการขยายการลงทุน และเป็นฮับในภูมิภาคเจิดจรัสเหมือนนิวยอร์ก