เมื่อค่ายรถจีนรุกด้วย “ราคา” ค่ายญี่ปุ่นฟาดกลับด้วย “ราคา”

รถญี่ปุ่น
คอลัมน์ : ชั้น 5 ประชาชาติ
ผู้เขียน : วุฒิณี ทับทอง

สึนามิกำลังก่อตัว…ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยตลอดช่วงเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา

วันนี้ถล่มใส่แล้ว เป็นสึนามิจาก “รถ EV แบรนด์จีน”

แรงกระเพื่อมรุนแรงขนาดไหน ดูได้จากการมาร์เก็ตแชร์ที่ฟาดไประดับ 10% ของตลาดแล้ว

เมื่อ “สึนามิ” มา บ้านหลังเล็ก ๆ มักเสียหายก่อน

แรงของคลื่นกวาดจน “ซวนเซ” ไม่เป็นกระบวนท่า

วันนี้เราจึงได้เห็นทั้งผู้ประกอบการ หรือดีลเลอร์

ปรับเปลี่ยนบทบาท เปลี่ยนจากแบรนด์ญี่ปุ่นไปสู่แบรนด์จีนกันอุตลุด

บรรดาดีลเลอร์เหล่านั้นทนความหอมหวนและโอกาสทางธุรกิจที่ดีกว่าไม่ไหวจริง ๆ

ย้อนกลับไปดูแบรนด์ญี่ปุ่น ตลาดประเทศไทยมีค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นที่ทำตลาดหลัก ๆ ราว ๆ 7 แบรนด์

ขณะค่ายรถจีนเข้ามาทำตลาดในบ้านเรา 6-7 แบรนด์เช่นกัน

เข้ามาตั้งโรงงานผลิตในประเทศไทย แต่ละโรงงานมีกำลังการผลิตไม่น้อยกว่า 150,000 คันต่อปี

คำถามคือ หากทุกโรงงานปั๊มกันเต็มกำลังผลิต ในขณะที่ความต้องการภายในประเทศไทยและตลาดส่งออกมีอยู่ราว ๆ 2.2 ล้านคัน

สิ่งที่น่ากังวลคือ “โอเวอร์ซัพพลาย”

และอีกอย่างที่จะตามมาแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ “สงครามราคา” ซึ่งมีให้เห็นแล้วในประเทศจีน

วันนี้บ้านเราการทุบราคาของแบรนด์จีนเกือบเป็นเรื่องปกติ

ส่วนค่ายญี่ปุ่นถึงแม้ยังไม่มีอาวุธใหม่รถ EV มาอุดช่องโหว่ได้อย่างเต็มไม้เต็มมือ

แต่อาวุธสำคัญที่ถนัดอย่าง “รถไฮบริด” ก็ยังพอต่อกรได้ในระดับหนึ่ง

ค่ายญี่ปุ่นใช้ความชัวร์ของเทคโนโลยี ความสบายใจของผู้บริโภคมาเป็นแนวรบ

แก้เกม “ราคา” ด้วยการจัดเต็มออปชั่นและความคุ้มค่า

ใช้วิธีไมเนอร์เชนจ์ แต่ขายในราคาเดิม

วันนี้ทั้ง “ยาริส ครอส ไฮบริด” และ “โคโรลล่า ครอส ไฮบริด” ออปชั่นเพียบ แต่ราคาไม่ขยับ

ไม่ต่างจาก “ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี” และ “ซิตี้ เทอร์โบ”

ขณะที่มิตซูบิชิ เอ็กซ์ แพนเดอร์ ไฮบริด ใหม่แกะกล่อง

ยังต้องเคาะราคาต่ำสุด ๆ หมายเหตุว่าจะปรับราคาอีกครั้งเดือนเมษายน ถึงเวลาคงไม่กล้า

ถ้าเป็นเมื่อก่อนไมเนอร์เชนจ์กันทีต้องมีปรับเพิ่มสองหมื่นถึงสามหมื่นบาท

แต่วันนี้เป็นหนังคนละม้วน ผู้บริโภคก็เลยสบายไป

ค่ายญี่ปุ่นเลือกลง “ดาบ” ฟาดกลับค่ายรถจีนด้วย “กลยุทธ์ราคา”

หลังถูกจีนใช้ “ราคา” กวาดมาร์เก็ตแชร์ไปเยอะ ทั้ง ๆ ที่แกประหว่างรถสันดาปกับรถยนต์ไฟฟ้าห่างกันมาก แต่วันนี้แทบไม่เหลือ

ดังนั้น เดิมพันของค่ายซามูไรครั้งนี้

จะชะลอคู่แข่งก่อนจะถึงวันที่ตัวเองมีรถ EV มาชนกันได้อย่างสูสี

ในวันที่เทคโนโลยีผ่านการ “ปรู๊ฟ” แล้วว่าลูกค้าจะไปทิศทางใด

น่าติดตาม …