บทบรรณาธิการ
การประชุมประเทศเศรษฐกิจชั้นนำ หรือ G20 ที่กรุงบัวโนสไอเรส อาร์เจนตินา ปิดฉากลงท่ามกลางความโล่งใจของหลายฝ่าย หลังผลการเจรจาระหว่างผู้นำประเทศมหาอำนาจอย่างประธานาธิบดีสหรัฐโดนัลด์ ทรัมป์ กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีนลงเอยด้วยดี
- ทำฟันประกันสังคม ไม่ต้องสำรองจ่าย เดือน มี.ค. 67 ยอด 169 ล้านบาท
- รู้ไหม ? 31 มณฑลจีน ชอบสินค้าอะไรของไทย
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
โดยทั้ง 2 ฝ่ายตกลงใจพักรบสมรภูมิสงครามทางการค้าชั่วคราวเป็นระยะเวลา 90 วัน ด้วยการชะลอปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของอีกฝ่ายในช่วงที่เปิดโต๊ะเจรจาระหว่างกันภายใต้เงื่อนเวลาดังกล่าว จากก่อนหน้านี้สหรัฐประกาศกร้าวจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 25% ในวันที่ 1 มกราคม 2562
ขณะที่จีนก็ไม่ยอมโดนถล่มข้างเดียว งัดแผนตอบโต้ตาต่อตาฟันต่อฟัน เตรียมปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐแบบไม่น้อย เวทีการค้าโลกที่คุกรุ่นตั้งแต่ต้นปีจึงร้อนฉ่า สร้างความวิตกกังวลไปทั่ว เพราะหวั่นเกรงสงครามทางการค้าจะบานปลายกลายเป็นสงครามทางการเงิน ทำให้เศรษฐกิจโลกที่เพิ่งฟื้นตัวย่ำแย่ลงอีก
การพักรบศึกทางการค้าหลังประธานาธิบดีทรัมป์ กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เปิดโต๊ะเจรจานอกรอบในเวทีการประชุม G20 แม้อาจสงบแค่ชั่วคราว แต่ก็ทำให้ทุกประเทศพากันโล่งใจ เพราะอย่างน้อยช่วยให้บรรยากาศการค้าโลกที่ตึงเครียดคลี่คลายลง ส่งผลด้านบวกต่อเศรษฐกิจโลกทั้งระบบ
สำหรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย แม้ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ กับตัวแทนภาคเอกชนอย่างสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยประเมินว่า จะส่งผลกระทบต่อสินค้าส่งออกของไทยในด้านบวกมากกว่าลบ โอกาสทางการตลาดจะเปิดกว้างให้สินค้าส่งออกไทยมากกว่าจะเป็นอุปสรรคปัญหา แต่ไม่ควรประมาทวางใจ
ขณะเดียวกัน ภาครัฐกับผู้ประกอบการต้องเกาะติดสถานการณ์ พร้อมติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 3 เดือน จากนี้ไปที่สหรัฐกับจีนจะเปิดโต๊ะต่อรองผลประโยชน์ต่างตอบแทนระหว่างกัน
และแม้ไม่อาจคาดเดาได้ว่าบทสรุปสุดท้ายบนโต๊ะเจรจาจะออกหัวหรือก้อย ช่วยคลายความตึงเครียดในเวทีการค้าโลกได้สำเร็จหรือล้มเหลว แต่การประเมินสถานการณ์เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับเป็นสิ่งที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องเร่งดำเนินการเพราะต้องไม่ลืมว่าแม้แรงกดดันจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่ลดลงจะส่งผลดีต่อการค้าโลกและการส่งออกสินค้าไทย แต่ที่ต้องทำควบคู่กันคือการพัฒนาคุณภาพการผลิต และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ชะล่าใจเมื่อใด สินค้าไทยจะแพ้ทั้งสงครามการตลาด-ศึกการค้าเมื่อนั้น