ยังไม่มีข่าวดีทางการเมือง

แฟ้มภาพ

บทบรรณาธิการ

 

การเมืองยังอึมครึมไม่ชัดเจน เนื่องจากการเจรจาระหว่างพรรคพลังประชารัฐ ที่เสนอตัวเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคร่วมยังตกลงกันไม่ได้ ทั้งที่นายชวน หลักภัย ประธานรัฐสภา มีคำสั่งให้นัดประชุมร่วมรัฐสภาสมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1 วันที่ 5 มิถุนายนนี้ เพื่อพิจารณาเห็นชอบบุคคลซึ่งควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

ผลการลงคะแนนในสภาไม่ว่าจะจบลงโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งพรรคพลังประชารัฐ ประกาศเสนอชื่อเพื่อรับการโหวตขึ้นเป็นนายกฯ จะได้คะแนนเสียงจาก ส.ส. บวกกับเสียงของ ส.ว. ซึ่งมีอยู่ 250 เสียง โหวตให้เป็นผู้นำรัฐบาลตามที่หลายฝ่ายคาดหมาย หรือเกิดพลิกพลาดท่าได้คะแนนน้อยกว่ารายชื่อนายกฯ ที่เสนอโดยพรรคการเมืองอีกขั้วการเมืองหนึ่งหรือไม่ สาธารณชน ตลอดจนแวดวงนักธุรกิจ นักลงทุนกำลังจับตามองแบบไม่กะพริบ

ล่าสุดที่ประชุมรัฐสภามีมติเลือก พล.อ.ประยุทธ์ ให้เป็นนายกฯ สมัยที่ 2 ด้วยคะแนน 500 เสียง ขณะที่นายธนาธรได้เสียงโหวต 244 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง

เค้าลางที่พอคาดเดาได้และเริ่มปรากฏให้เห็นคือ สถานการณ์ทางการเมืองช่วงจากนี้ไปคงไม่ราบรื่น รัฐบาลใหม่ไม่ว่าจะมาจากการนำของพรรคการเมืองฝ่ายใด ก็น่าจะมีเสียง ส.ส.สนับสนุนในระดับปริ่มน้ำ ทำให้สถานะของรัฐบาลค่อนข้างอ่อนไหว ไม่มั่นคง นอกจากเสี่ยงที่จะเพลี่ยงพล้ำเกมในสภาแล้ว การผลักดันนโยบาย และการบริหารจัดการประเทศอาจทำได้ลำบาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้สถานการณ์ที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว วิกฤตสงครามทางการค้ากำลังลุกลาม เห็นได้จากยอดการส่งออกสินค้าไทยช่วงเดือนเมษายนชะลอลง 2.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561

ส่วนการท่องเที่ยวแม้ยังขยายตัว 3.3% ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยช่วงเดือนเมษายนอยู่ที่ 3.2 ล้านคน แต่นักท่องเที่ยวจีนซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักลดลง 8.9% ถือเป็นการหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3

ความต้องการและความคาดหวังให้การเมืองช่วยปลดล็อกเศรษฐกิจ รัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งเข้ารับไม้ต่อบริหารประเทศได้โดยเร็ว แก้ปัญหาเรื่องปากท้อง รายได้ของภาคแรงงาน เกษตรกร รวมทั้งคนในระดับรากหญ้า อาจต้องร้องเพลงรออีกยาวเพราะแม้ช่วงนับถอยหลังโหวตเลือกนายกฯจะมาถึงแต่ยังไร้ข่าวดีทางการเมือง แถมน่าห่วงว่าการจัดตั้ง ครม.ชุดใหม่อาจต้องแก้โจทย์การเมืองเป็นอันดับแรก ส่วนโจทย์เศรษฐกิจเป็นเรื่องรอง

การประชุมร่วมรัฐสภาสมัยสามัญประจำปีครั้งแรก 5 มิถุนายนนี้ ส.ส.-ส.ว. จึงต้องแสดงสปิริต ทำหน้าที่ให้สมเกียรติ สมความไว้วางใจ ต้องลบคำสบประมาท ทำให้สาธารณชนศรัทธาเชื่อมั่นได้ว่า การเมืองเป็นที่พึ่ง เป็นทางออกของประเทศได้