สกัดโควิดการป้องกันต้องนำหน้า

มาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด-19 ที่กระทรวงการคลังเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจพิจารณา และเตรียมจะนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม. แม้ส่วนใหญ่ยังใช้สูตรเดิม ๆ เน้นหว่านเงินแก้ปัญหาระยะสั้น แต่เรียกความสนใจของสาธารณชนที่กำลังวิตกกังวลการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดได้ไม่น้อย

รายละเอียดมาตรการ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ระบุว่า จะใช้เงินกว่า 1 แสนล้านบาท กระจายช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบครอบคลุมทุกกลุ่ม จะมีประสิทธิภาพ ตรงกลุ่มเป้าหมาย อาทิ การช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย เกษตรกร กลุ่มอาชีพอิสระ ฯลฯ รายละ 1-2 พันบาท/เดือน ผ่านระบบพร้อมเพย์รวมทั้งหมด 14.6 ล้านคน

ขณะเดียวกันจะมีการจัดซอฟต์โลนวงเงินกว่า 1 แสนล้านบาท โดยให้ธนาคารออมสินปล่อยกู้แก่ธนาคารพาณิชย์เพื่อนำไปปล่อยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ ช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอี

มาตรการผ่อนปรนทางภาษี ค่าธรรมเนียม จูงใจผู้ประกอบการชะลอเลิกจ้างงาน การช่วยเหลือแรงงาน พนักงานที่ถูกเลิกจ้าง ถูกพักงาน ช่วยเหลือธุรกิจภาคท่องเที่ยว ฯลฯ

ทั้งหมดนี้รัฐบาลจะออกแพ็กเกจมาตรการชุดใหญ่ เป็นยาแรงที่นำมาใช้ประคองเศรษฐกิจช่วง 3-4 เดือนจากนี้ไป เพื่อช่วยเหลือบรรเทา ปัญหาภาคธุรกิจ ผู้มีรายได้น้อย คนระดับกลาง ล่าง ที่ได้รับความเดือดร้อนจากวิกฤตเศรษฐกิจ และวิกฤตโควิด-19

อย่างไรก็ตาม การช่วยเหลือเยียวยาแม้ช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อน และลดผลกระทบจากวิกฤตซ้อนวิกฤตที่หลายฝ่ายกำลังเผชิญก็จริง แต่ที่ต้องดำเนินการเร่งด่วนคือการสกัดเชื้อไวรัสโควิดไม่ให้แพร่กระจายมากกว่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ติดเชื้อ หรือกลุ่มที่มีความเสี่ยงเป็นพาหะนำโรค เพราะความเห็นแก่ตัว ประมาท หรือไม่ระมัดระวัง

ในช่วงเวลานี้นอกจากต้องพึ่งฝีมือความสามารถบุคลากรทางการแพทย์ของไทย ซึ่งได้รับการยอมรับในระดับโลกแล้ว การบริหารจัดการของรัฐบาลในฐานะผู้กำกับดูแลนโยบาย และประสิทธิภาพในการบูรณาการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งเป็นฝ่ายปฏิบัติ จะเป็นตัวชี้วัดว่า การควบคุมเชื้อไวรัสโควิดให้แพร่ระบาดในวงจำกัดจะสัมฤทธิผลหรือไม่

เพราะแม้ภายใต้วิกฤตการออกมาตรการช่วยเหลือเยียวยาของรัฐจะเป็นสิ่งจำเป็น เช่นเดียวกับที่หลายประเทศทั่วโลกเลือกนำมาใช้ในขณะนี้ เพียงแต่ต้องจัดลำดับความสำคัญให้ทุกภาคส่วนเน้นป้องกันและจำกัดวงไม่ให้ไวรัสแพร่กระจายเป็นมาตรการนำ จึงจะสามารถควบคุมการระบาดของมหันตภัย โควิด-19 ได้ ถ้าไม่เน้นการป้องกันหรือสกัด จะทุ่มเทงบประมาณอีกเท่าใดก็คงเอาไม่อยู่