ดูหนังออนไลน์สมรภูมิของขาใหญ่

คอลัมน์ ชั้น 5ประชาชาติ
โดย เชอรี่ประชาชาติ [email protected]


ตลาดดูหนังออนไลน์ในบ้านเรานับว่าคึกคักเป็นอย่างยิ่ง จากการรุกคืบเข้ามาทำตลาดของทั้งยักษ์ใหญ่ยักษ์เล็กทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น ไอฟลิกซ์, เน็ตฟลิกซ์, ฮุค, ฮอลลีวูด เอชดี, ไพรมไทม์, ดูนี่ หรือล่าสุด “HBO Asia” ที่ร่วมมือกับยักษ์มือถือ นำภาพยนตร์และซีรี่ส์ดังมาฉายผ่านแอปพลิเคชั่น AIS PLAY บนมือถือและบนจอโทรทัศน์ผ่านกล่อง AIS PLAYBOX

เรียกเสียงฮือฮาในหมู่สาวกซีรีส์ดัง “Game Of Thornes” ได้ไม่น้อย เพราะต่างรอคอยซีซั่น 7 อยู่แล้ว นอกจาก
ได้ดูพร้อมกับที่อเมริกายังมีพากย์ไทยอีกต่างหาก

โดย “เอไอเอส” ใช้ Game of Thrones ซีซั่น 7 เรียกลูกค้าเพิ่มด้วยการให้สิทธิพิเศษดูฟรี 1 เดือน โดยลูกค้าปัจจุบันได้สิทธิดูฟรีในรอบบิลเดือน ก.ค.โดยอัตโนมัติ ส่วนลูกค้าใหม่ที่สมัครทั้งในแพ็กเกจ Premier Full HD และ
Platinum Full HD ภายใน 31 ก.ค.นี้ก็ได้สิทธิ์ดูฟรี 1 เดือนเช่นกัน

แม้จะมีผู้เล่นหลายราย แต่เกือบทุกรายมั่นใจว่าตลาดยังเติบโตได้อีกมาก และพร้อมที่จะลงทุนต่อเนื่องเพื่อสร้างฐานลูกค้าในไทย โดยทุกรายมองว่าคู่แข่งที่แท้จริงของตนเองไม่ใช่ผู้ให้บริการที่เห็นหน้าค่าตาอยู่ในปัจจุบัน หาก
เป็นกลุ่มที่อยู่ใต้ดินหรือบรรดาคอนเทนต์ละเมิดลิขสิทธิ์มากกว่า

“อาทิมา สุรพงษ์ชัย” หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท ไอฟลิกซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันไอฟลิกซ์มีผู้ใช้ในไทย 1.5 ล้านราย แต่ถ้าคิดเฉพาะยอดผู้ใช้แอ็กทีฟจะอยู่ที่ 30% โตขึ้นประมาณแสนรายต่อเดือน และในครึ่งปีหลังจะลงทุนด้านคอนเทนต์ให้มากขึ้นอีก

“ในแง่การเติบโตของฐานลูกค้าปีนี้ เราตั้งเป้าว่าจะโต 2-3 เท่า จากผู้ใช้อินเทอร์เน็ตผ่านสมาร์ทโฟนที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง มีอีกจำนวนมากที่ยังไม่เคยใช้บริการดูหนังผ่านมือถือ โดยจะลงทุนพัฒนาคอนเทนต์เพิ่มขึ้นอีก เพราะต้องการมีคอนเทนต์ที่เป็นที่นิยมและถูกพูดอย่างน้อยเดือนละเรื่อง เพื่อดึงดูดผู้ชม และตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนอย่างรวดเร็ว การแข่งขันในตลาดนี้เป็นการแข่งกับเว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์จึงยินดีที่มีผู้เล่นรายใหม่เข้ามา อย่างล่าสุด VIU ผู้เล่นระดับภูมิภาคอีกราย”

“HOOQ” ก็คิดไม่ต่างกันนักจึงเปิดตัว โครงการ HOOQ Filmmakers Guild เพื่อค้นหาผู้ผลิตภาพยนตร์ซีรีส์หน้าใหม่ และเปิดพื้นที่ให้คอนเทนต์ที่มีเนื้อหาสร้างสรรค์ และแปลกใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการในประเทศต่าง ๆ โดยผู้นำเสนอบทซีรีส์ที่โดดเด่น 5 ราย จะได้ทุนผลิตซีรีส์ตอนแรก รายละ 1 ล้านบาท เพื่อออกอากาศผ่านเครือข่ายของ HOOQ โดยเรื่องที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากผู้ชม และได้รับคัดเลือกจากกรรมการจะได้ทุนสนับสนุนให้สร้างจนจบ (ความยาวไม่เกิน 13 ตอน) และมีโอกาสเผยแพร่ผลงานในประเทศอื่น ๆ ด้วย

“อัลลิสัน ชูว์” Head of Brand and Communications ของ “HOOQ” ผู้ให้บริการแบบวิดีโอออนดีมานด์รายใหญ่ในเอเชีย กล่าวว่า ปัจจุบันเปิดให้บริการใน 5 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์, ไทย, ฟิลิปปินส์, อินเดีย และอินโดนีเซีย ซึ่งในปีหน้าจะขยายตลาดไปในเวียดนามและมาเลเซีย โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำด้านคอนเทนต์ในระดับโลกและระดับภูมิภาค

“จากข้อมูลการสำรวจผู้ใช้งานในประเทศที่เราเข้าไปเปิดให้บริการ พบว่าลูกค้าในแต่ละประเทศนิยมดูโลคอลคอนเทนต์มากขึ้น อย่างในไทย และฟิลิปปินส์ เพิ่มจาก 30% เป็น 40% ขณะที่อินโดนีเซีย เพิ่มจาก 30% เป็น 60% ทั้งมีความสนใจคอนเทนต์ที่หลากหลาย”

“HOOQ” เชื่อด้วยว่า การทำสงครามราคาไม่เกิดประโยชน์ใด ๆ แม้จะมีผู้เล่นระดับโลกอย่าง “เน็ตฟลิกซ์” เข้ามาในไทยอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงมีผู้เล่นระดับภูมิภาคอีก 2 ราย อย่างไอฟลิกซ์ และวิว (Viu) เพราะมองว่าการแข่งขันอยู่ที่การทำให้ลูกค้าเห็นว่า “ราคาค่าบริการที่ตั้งไว้คุ้มค่าที่จะจ่าย” เพราะยังมีผู้บริโภคอีกเป็นจำนวนมากยังไม่เคยใช้บริการ แม้ที่ผ่านมาตลาดจะโตต่อเนื่องแต่กว่าจะถึงจุดที่ต้องแก่งแย่งลูกค้าคงต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 3-5 ปี

“จตุพล สุธีสถาพร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีเดียเพล็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ให้บริการดูหนังออนไลน์ภายใต้แบรนด์ ดูนี่ (DOONEE) กล่าวว่า มีเว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์ปิดไปเป็นจำนวนมาก ขณะที่จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในไทยเพิ่มขึ้นทุกปีจึงส่งผลดีกับตลาดบริการดูหนังออนไลน์ โดยในไตรมาสแรกที่ผ่านมา มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นหลักหมื่นถึงหลักแสนต่อเดือนขึ้นอยู่กับการจัดแคมเปญร่วมกับพาร์ตเนอร์ และคาดว่าในครึ่งปีหลังจะโตต่อเนื่อง โดยรวมทั้งปีจะเติบโตไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมา

“ธุรกิจนี้ค่อนข้างหินสำหรับผู้เล่นระดับโลคอล จากการเข้ามาของยักษ์ใหญ่ทั้งหลาย แต่เราก็ยังเห็นช่องทางเติบโต เราไม่กลัวการแข่งขัน แต่กลัวปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์มากกว่า ลูกค้าของดูนี่ส่วนใหญ่อายุ 25-60 ปี ช่วงอายุจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากผู้สูงอายุเริ่มใช้เทคโนโลยีมากขึ้น และเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ ซึ่งเราเองต้องพยายามพัฒนาตนเองด้วยคอนเทนต์ที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค โดยจะเน้นวาไรตี้ และเพิ่มภาพยนตร์ให้ครบหมวดหมู่มากขึ้น จากการสำรวจพบว่าลูกค้าแต่ละคนมักเลือกใช้บริการมากกว่า 1 ราย การสร้างความแตกต่างทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจได้ง่ายขึ้น”

ไม่ว่าจะใช้บริการเจ้าไหนมากกว่ากัน เชื่อว่าอุปกรณ์ที่คนไทยใช้ดูหนังออนไลน์มากที่สุด หนีไม่พ้นอุปกรณ์ในมือ (ถือ) นี่ล่ะ