TOA ปั้นนักศึกษาอาชีวะ เป็นเถ้าแก่ลุยตลาดรีโนเวตบ้านและอาคารเก่า

รวมรูป TOA อาชีวะ งานไม้

TOA เดินหน้าโครงการพัฒนาศักยภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา จัดงบฯปีละ 1.6 ล้านบาท ปั้นนักศึกษาอาชีวะเป็นเถ้าแก่เจ้าของธุรกิจ ลุยตลาดรีโนเวตบ้านและอาคารเก่า 

วันที่ 1 มิถุนายน 2566 บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อเดินหน้าสานต่อ “โครงการพัฒนาศักยภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา” ต่อเนื่องเป็นฉบับที่ 3 (ปี 2566-2569)

เพื่อหวังผลักดันสร้างนักเรียนอาชีวะให้เป็นเถ้าแก่เจ้าของธุรกิจรุ่นใหม่ สร้างรายได้ มีอาชีพที่มั่นคง เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนภาคธุรกิจและเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีนายประจักษ์ ตั้งคารวคุณ ประธานกรรมการ บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงดังกล่าว

จัดงบฯให้ปีละ 1.6 ล้านบาท

สำหรับโครงการ TOA ให้การสนับสนุนงบประมาณรวมเป็นจำนวนเงินปีละ 1.6 ล้านบาท ตลอดระยะเวลา 3 ปี ทั้งวัสดุ อุปกรณ์ และผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงจากทีโอเอ เพื่อใช้ในการเรียนการสอนของสถานศึกษาในสังกัดอาชีวศึกษา สนับสนุนการผลิตสื่อการเรียนการสอนให้กับสถานศึกษาในสังกัดอาชีวศึกษาทั่วประเทศ รวมทั้งสนับสนุนเงินรางวัลและวัสดุการจัดการแข่งขัน เพื่อใช้ในการแข่งขันทักษะวิชาชีพระดับภาคและระดับชาติ

นายประจักษ์ ตั้งคารวคุณ ประธานกรรมการ บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทีโอเอในฐานะผู้ประกอบการในวงการวัสดุก่อสร้างกว่า 60 ปี จึงทำให้เราเห็นช่องทางและโอกาสของนักเรียนอาชีวะในสาขาวิชาช่างก่อสร้าง และสายช่างอื่น ๆ ที่ถึงแม้ไม่ได้เรียนจบปริญญาตรี แต่ก็มีโอกาสเติบโต มีงานทำ มีรายได้ และต่อยอดสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจได้เช่นกัน

“เพราะปัจจุบันตลาดรีโนเวตบ้านและอาคารเก่าที่มีอายุกว่า 50 ปีขึ้นไป นับเป็นตลาดที่ใหญ่และมีมูลค่ามหาศาล มักพบปัญหาที่ต้องการช่างเพื่อซ่อมแซมหรือต่อเติม เพื่อปรับปรุงให้บ้านน่าอยู่ยิ่งขึ้น อาทิ ปัญหารั่ว ร้าว ซึม สีลอกล่อน การซ่อมแซมห้องน้ำ สุขภัณฑ์ และการตกแต่งภายใน ฯลฯ

ดังนั้น นักเรียนอาชีวะที่เรียนในสาขาวิชาช่างก่อสร้าง โยธา ช่างไฟฟ้า ฯลฯ จึงมีความได้เปรียบ สามารถประสบความสำเร็จ และเป็นเถ้าแก่เจ้าธุรกิจ SMEs รุ่นใหม่ได้ เพราะปัจจุบันตลาดรีโนเวตนี้ยังขาดช่างที่มีความชำนาญการเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะช่างที่มีคุณธรรม ความซื่อสัตย์ และขยัน มีความรับผิดชอบ ไม่ทิ้งงาน”

หนุนมีงานทำในต่างประเทศ

นายประจักษ์กล่าวต่อว่า สำหรับบันไดสู่ความสำเร็จของนักเรียนอาชีวะ รวมทั้งนักเรียนในระดับชั้น ม.ปลาย ปวช. และ ปวส. ควรต้องไปฝึกงานเป็นลูกจ้าง เพื่อหาประสบการณ์ เรียนรู้ ฝึกฝนปฏิบัติงานจากของจริงกับบริษัทมืออาชีพในแต่ละสายงานอย่างน้อย 5-10 ปี และควรเริ่มต้นจากการรับงานเล็ก ๆ อย่างเช่น ผู้รับเหมา ช่างทาสี ไฟฟ้า ประปา กระเบื้อง สุขภัณฑ์ เป็นต้น ก็จะทำให้มีโอกาสประสบความสำเร็จเป็นเจ้าของธุรกิจ SMEs ได้เช่นกัน

ทีโอเอ อาชีวะ

นอกจากนี้ วิชาสายงานอาชีพช่างเหล่านี้ ยังเป็นที่ต้องการของตลาดภาคธุรกิจอุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก สามารถก้าวออกไปหาเงินในตลาดต่างประเทศ ทำให้มีรายได้มากยิ่งขึ้น อาทิ ประเทศสิงคโปร์ ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฮ่องกง และเอเชียตะวันออก ฯลฯ และกลับมาเป็นเจ้าของธุรกิจ สร้างความมั่งคั่งให้กับครอบครัว นำเงินตราเข้าประเทศ ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป

ว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวเสริมว่า สำหรับการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็น MOU ฉบับที่ 3 มีระยะเวลา 3 ปี (ปี 2566-2569) ที่ได้ดำเนินการกับทีโอเอ ภายใต้แนวคิดและเจตนารมณ์ร่วมกัน เพื่อพัฒนาการจัดการอาชีวศึกษา

โดยการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา ผลิตและพัฒนานักเรียน นักศึกษาในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ด้านวิชาชีพประเภทช่างอุตสาหกรรมให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และความต้องการภาคอุตสาหกรรม

ตลอดจนการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ และเทคโนโลยีร่วมกันระหว่างบุคลากรของทั้งสองหน่วยงาน ตามแนวคิดประเทศไทยมั่นคง ร่ำรวยด้วยมืออาชีวะ นับเป็นโอกาสดีที่ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญ เข้าใจ และสร้างผู้เรียนอาชีวศึกษาอย่างจริงจัง

ถือได้ว่าเป็นการวางรากฐาน เชื่อมโยง พัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาในทุกมิติอย่างเป็นระบบ เข้มข้น เกิดสมรรถนะวิชาชีพที่เป็นมาตรฐานสากล เพิ่มขีดความสามารถและศักยภาพของกลุ่มอุตสาหกรรมอย่างครบวงจร ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน