ค่ายวรรณกรรมออนไลน์ แบงก์บัวหลวงชวนเยาวชนวิจารณ์หนังสือ

“อรรถรส” จากการอ่านหนังสืออันทรงคุณค่าสักเล่ม มักทำให้เกิดความรู้สึกตรึงใจ, ซาบซึ้ง, สะเทือนใจ, ระทึกใจ ตามแก่น และการเล่าเรื่องราวจากหนังสือเล่มนั้น ๆ แต่หนังสือจะทวีคุณค่ามากขึ้น ถ้าทำให้ผู้อ่านเกิดการคิดเชิงวิเคราะห์และวิจารณ์

ตรงนี้จึงเป็นที่มาของโครงการ “อ่าน เขียน เรียนรู้ สู่งานวิจารณ์” ปีที่ 6 จัดโดยสำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น โดยการสนับสนุนของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เพื่อให้เยาวชนเพิ่มพูนประสบการณ์การอ่านหนังสือควบคู่ไปกับพัฒนาทักษะการคิดการเขียนเชิงวิเคราะห์และวิจารณ์

“อาทร เตชะธาดา” กรรมการผู้จัดการ สำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น บอกว่า สำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น และธนาคารกรุงเทพ ตระหนักถึงความสำคัญของภาษาไทย ทั้งในฐานะที่เป็นภาษาประจำชาติอันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ การใช้ภาษาจึงเป็นทักษะที่ผู้ใช้ต้องฝึกฝนให้เกิดความชำนาญไม่ว่าจะเป็นการอ่าน, การคิดวิเคราะห์, การเขียน, การพูด และการดู รวมทั้งต้องใช้ให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ทางภาษาเพื่อสื่อสารให้เกิดประสิทธิภาพ และใช้อย่างคล่องแคล่ว

“ถ้านักเรียนมีความรู้ความสามารถในกลุ่มนี้อย่างเหมาะสมกับระดับชั้นแล้ว จะทำให้การเรียนการสอนในกลุ่มประสบการณ์อื่นดำเนินได้ด้วยความราบรื่น และมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้การอ่านหนังสือทั้งประเภทสารคดี และบันเทิงคดีจะช่วยสร้างเสริมความรู้ของเยาวชนให้ลึกซึ้ง รวมทั้งยังช่วยเปิดโลกทัศน์ให้กว้างไกล และก่อให้เกิดปัญญาที่กล้าแกร่ง รวมทั้งขณะอ่านหนังสือ เยาวชนจะได้เรียนรู้แบบอย่างของภาษาไทยอันรุ่มรวยละเมียดละไม ซึ่งเป็นมรดกทางภูมิปัญญาของชาติที่ควรค่าแก่การศึกษาเพื่ออนุรักษ์ สืบทอด และพัฒนาให้สง่างามยั่งยืนสืบไป”

“โครงการอ่าน เขียน เรียนรู้ สู่งานวิจารณ์ ปีที่ 6 ยังคงมุ่งมั่นสนับสนุนให้เยาวชนได้บูรณาการทักษะการอ่าน, การคิด และการเขียน โดยผ่านการใช้ภาษาไทยอย่างสละสลวยด้วยความภาคภูมิใจในภาษาประจำชาติ”

“โดยมุ่งหวังให้เกิดการพัฒนาทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์, สังเคราะห์ และวิจารณ์ให้แยบคายยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยพัฒนาทักษะการคิดเชิงสร้างสรรค์อย่างเหมาะสม สร้างเสริมวัฒนธรรมรักการอ่าน สร้างนักวิจารณ์รุ่นใหม่สู่สังคม และให้เยาวชนไทยตระหนักถึงคุณค่าของภาษาไทยมากขึ้น”

“อาทร” กล่าวต่อว่า โครงการอ่าน เขียน เรียนรู้ สู่งานวิจารณ์ ปีที่ 6 จึงเปิดให้นักเรียน และนักศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 และระดับอุดมศึกษาเขียนบทวิจารณ์หนังสือ 1 เล่ม โดยเลือกจากหนังสือที่ได้รับรางวัลใดรางวัลหนึ่ง ประกอบด้วย รางวัลการประกวดหนังสือดีเด่นแห่งชาติของสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ระหว่างปี 2545-2562, รางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์), รางวัลพานแว่นฟ้า และรางวัลชมนาด ซึ่งผู้เข้าประกวดอาจเลือกหนังสือประเภทสารคดี กวีนิพนธ์ และนวนิยายคลาสสิก เป็นต้น

“จากนั้นคณะกรรมการจะคัดบทวิจารณ์ดีที่สุด 40 บท เพื่อให้ได้รับเงินรางวัลคนละ 20,000 บาท รวมเงินรางวัลทั้งสิ้น 800,000 บาท ทั้งยังจะได้เข้าค่ายอบรมงานวิจารณ์วรรณกรรม ในวันที่ 9-10 ตุลาคม 2563 อย่างไรก็ดี เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการอบรมงานวิจารณ์วรรณกรรม เป็น new normal ในรูปแบบออนไลน์ครั้งแรก เป็นการเข้าค่ายออนไลน์ โดยให้เด็ก ๆ อบรมผ่านโปรแกรมซูม เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนกับวิทยากรจากที่บ้าน และมีกิจกรรมสันทนาการออนไลน์เพื่อละลายพฤติกรรมเด็ก ๆ ให้เด็ก ๆ ได้รู้จักกันมากขึ้น ผ่านการทำกิจกรรมร่วมกันทางออนไลน์ แต่ยังคงวัตถุประสงค์ของธนาคารกรุงเทพที่มุ่งเน้นสนับสนุนให้เยาวชนมีความรู้และสร้างสรรค์งานวรรณกรรม พร้อมทั้งให้เยาวชนปรับตัวสู่ยุคดิจิทัลก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในอนาคต”

ภัทร์ศยา แก้วยัง

“แว้ด” ภัทร์ศยา แก้วยัง นักศึกษาคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ชั้นปีที่ 5 มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี จ.ลพบุรี ผู้ผ่านการคัดเลือก โครงการอ่าน เขียน เรียนรู้ สู่งานวิจารณ์ ปีที่ 5 กล่าวเสริมว่า ดิฉันส่งบทวิจารณ์นวนิยายเรื่องตลิ่งสูง ซุงหนัก ของนิคม รายยวา ซึ่งเป็นนวนิยายรางวัลซีไรต์ปี 2531 เกี่ยวกับเรื่องราวของคนผู้แสวงหาความหมาย และคุณค่าของชีวิต และพบว่าทุกคนมีการเกิด และความตายอย่างละหนึ่งหนเท่ากัน แต่สิ่งที่อยู่ระหว่างกลางนั้นเป็นชีวิต เราต้องหาเอาเอง ตัวเอกคือ “คำงาย” ตระหนักถึงคุณค่าที่แท้จริงของชีวิต โดยเห็นว่าคนเรานั้นมัวแต่รักษาซากที่ไม่มีชีวิต ไม่เคยรักษาชีวิตที่อยู่ในซากเลย สิ่งเดียวที่จะเก็บความมีชีวิตนั้นไว้ คือ เลี้ยงมัน รักมัน ถนอมมัน

“แว้ด” บอกว่า ทราบรายละเอียดโครงการจากรุ่นน้องที่ส่งเข้าประกวด จึงสนใจและส่งเข้าประกวดดูบ้าง พอดีช่วงนั้นอ่านนวนิยายตลิ่งสูง ซุงหนักอยู่ เลยเขียนบทวิจารณ์เรื่องนี้เข้าประกวด เห็นว่าตลิ่งสูง ซุงหนัก วางแก่นและเล่าเรื่องได้ดี เป็นเรื่องราวที่พบเจอได้ในชีวิตจริง มีกลวิธีเล่าเรื่องน่าสนใจ อ่านแล้วรู้สึกเป็นการเสนอแนวคิดของผู้เขียน ผู้เขียนใช้วิธีให้ตัวละครเป็นคนเล่า เราเป็นผู้อ่านอาจคิดเหมือนกันหรือต่างกันก็ได้ เป็นลักษณะการเขียนให้เราคิดต่อยอด ไม่ได้ยัดเยียดให้เราเชื่อตาม

“โครงการนี้ทำให้ได้เข้าค่ายอบรมงานวิจารณ์วรรณกรรม เป็นการส่งเสริมงานวิจารณ์ของเด็กรุ่นใหม่ ได้เรียนรู้นอกชั้นเรียน อย่างเราเรียนวิชาเอกภาษาไทย มีวิชางานวิจารณ์อยู่แล้ว แต่เรียนเป็นทฤษฎีแบบดั้งเดิม พอไปเข้าค่าย จึงได้พบกับวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ มีการเสนอมุมมองการวิจารณ์แบบใหม่ ให้เรานำมาปรับใช้มากขึ้น ส่วนการปรับรูปแบบค่ายอบรมงานวิจารณ์วรรณกรรม มาเป็นการอบรมออนไลน์ในปีนี้ คิดว่าเข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบันทำให้คนไม่ต้องรวมตัวกัน ปิดช่องทางการแพร่ระบาดได้”

สำหรับนักเรียนและนักศึกษาที่สนใจส่งบทวิจารณ์เข้าประกวด จะต้องมีความยาว 2-4 หน้ากระดาษ ฟอนต์ Angsana New ขนาด 16 points ต้องวิจารณ์ หรือแสดงความคิดเห็นอย่างเที่ยงธรรม มีเหตุผล น่าสนใจ โดยสอดแทรกการสรุปใจความของเรื่องอย่างกระชับและครอบคลุมประเด็นสำคัญ ตลอดจนเรียบเรียงด้วยภาษาที่สละสลวยและนำเสนอด้วยวิธีเขียนที่สร้างสรรค์

ส่วนขั้นตอนการส่งบทวิจารณ์เข้าประกวด 1.ลงทะเบียนสมัครเข้าร่วมโครงการ ผ่านเว็บไซต์ http://praphansarn.com/scholarships 2.ส่งบทวิจารณ์พร้อมระบุชื่อ โดยส่งทางไปรษณีย์พร้อมถ่ายเอกสารหนังสือที่ใช้วิจารณ์มาด้วยทั้งเล่ม และแนบส่งมายังบริษัทสำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น จำกัด เลขที่ 222 ถนนพุทธมณฑล สาย 2 (บุษราคัม เทอเรส สาย 2) แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10170 กำหนดส่งระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม-31 กรกฎาคม 2563