อ.ธรณ์ ห่วงน้ำมันดิบรั่วทะเลระยอง หาดทรายกระทบหนักสุด

อ.ธรณ์ นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล ชี้น้ำมันดิบรั่วทะเลระยอง 4 แสนลิตร ระบบนิเวศที่ได้รับผลกระทบหนักสุดคือ หาดทราย อาจเกิดคราบดำ และกำจัดยากทุกวิธี แนะเฝ้าระวังแนวชายฝั่ง

วันที่ 26 มกราคม 2565 จากกรณีเกิดเหตุน้ำมันดิบรั่วใต้ทะเลบริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึก หรือจุดขนถ่ายน้ำมันในทะเลของบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) รั่วไหลบริเวณนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด อ.เมืองระยอง ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งท่าเรือมาบตาพุดไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณ 20 กิโลเมตร

ล่าสุด ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล และรองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Thon Thamrongnawasawat” ว่า กรณีของน้ำมันรั่วที่ระยอง อัพเดตข้อมูลล่าสุดจากกรมทะเล รายงานว่าบริษัทแจ้งว่าน้ำมันรั่วไม่ถึง 400,000 ลิตร แต่รั่วออกมา 160,000 ลิตร ต้องติดตามต่อไปครับ

“กรณีของน้ำมันรั่วที่ระยอง ตอนนี้เริ่มมีความชัดเจน จึงอยากอธิบายให้เพื่อนธรณ์ฟัง น้ำมันดิบ อย่างน้อย 4 แสนลิตร รั่วนอกฝั่ง ห่างไป 20 กม.เป็นกรณีคล้ายเกาะเสม็ด ที่น้ำมันดิบเหมือนกัน รั่วนอกฝั่งเหมือนกัน แต่ปริมาณหนนี้เยอะกว่า

หากดูจากภาพ จะเห็นชัดว่าน้ำมันแผ่ขยายกว้างมาก จุดแตกต่างนอกจากปริมาณ คือปัจจัยสิ่งแวดล้อม ลมพัดขึ้นเหนือไม่ค่อยแรง ต่างจากครั้งก่อนที่ลมพัดไปทางตะวันออก ค่อนข้างแรง พื้นที่เกิดผลกระทบอาจต่างกัน หนนี้น่าจะเป็นชายฝั่ง เมืองระยอง หาดแม่รำพึง ก้นอ่าว ฯลฯ

ตรงนั้นเป็นหาดทรายยาว หากน้ำมันดิบมาถึงหาดทราย อาจเกิดคราบดำบนหาดหรือเกิดก้อนน้ำมันดิบ ซึ่งการกำจัดคราบน้ำมันจากหาดทรายทำยากมาก เราอาจใช้แผ่นซับ เก็บก้อนน้ำมันดิบ ไปจนถึงตักหน้าทรายออก

แต่ทุกอย่างยากหมด วิธีดีสุดคืออย่าให้ถึงฝั่ง ลมค่อนข้างเบา พอมีเวลา ใช้บูมดัก กวาดน้ำมันออก ใช้สารเคมีทำให้จมตัวลง เน้นย้ำว่าสารเคมีต้องใช้ในที่ลึก อย่าใช้ในที่ตื้นเกินไป เพราะน้ำมันกับสารจะแตกตัวไม่ทัน ไปกองที่พื้นก่อน ความลึกแค่ไหนมีในคู่มือการใช้อยู่แล้ว ขอเพียงทำตาม และระวังให้มาก เพราะพื้นทะเลแถวนั้นเป็นแหล่งประมงพื้นบ้าน ตอนนี้หลายท่านลงพื้นที่แล้ว แต่ข้อจำกัดของเราอยู่ที่อุปกรณ์ แม้จะมีการพัฒนาการรับมือจากประสบการณ์คราวก่อน แต่ยังต้องระวังเพราะครั้งนี้ถือว่าเยอะ

กรมควบคุมมลพิษใช้โมเดล คาดว่าจะถึงฝั่ง 180,000 ลิตร ถือว่าเยอะจนน่าเป็นห่วง

ทั้งนี้ ระบบนิเวศหลัก ๆ ที่ได้ผลกระทบคือหาดทราย พื้นที่เฝ้าระวังอย่างมากคือเมืองระยองถึงก้นอ่าว หญ้าทะเลอยู่ที่บ้านเพ/สวนสน อาจได้รับผลบ้างแต่คงน้อย เพราะช่วงนี้น้ำไม่ลงต่ำจนแห้ง คราบน้ำมันไม่น่าลงไปบนหญ้าโดยตรง ทั้งนี้ ทิศทางลมไม่ได้ไปทางเกาะเสม็ด แนวปะการังอาจได้รับผลไม่มาก แต่ควรเฝ้าระวังในพื้นที่เดิม เช่น อ่าวพร้าว

สรุปแล้วให้เน้นหาดทรายกับพื้นท้องทะเลเป็นหลัก ความคืบหน้าจะแจ้งมาเรื่อยๆ ครับ”