“จุรินทร์” ยินดีผู้สำเร็จหลักสูตร TEPCoT หนุนร่วมสร้างแต้มต่อให้ประเทศ

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์

“จุรินทร์” มอบวุฒิบัตรผู้สำเร็จหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการค้าและการพาณิชย์ (TEPCoT) รุ่น 13-14 ดันสร้างเงิน สร้างแต้มต่อ สร้างอนาคตให้ประเทศ

วันที่ 23 มกราคม 2565 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยระหว่างเป็นประธานในพิธีมอบวุฒิบัตรแก่ผู้สำเร็จหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการค้าและการพาณิชย์ TEPCoT (Top Executive Program in Commerce and Trade) รุ่นที่ 13 และรุ่นที่ 14 ว่า หลักสูตรนี้เกิดจากความร่วมมือของหลายส่วน เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์หลักสูตรสร้างบุคลากรชั้นนำของประเทศ ให้มีวิสัยทัศน์สามารถวางกลยุทธ์เพื่อวางตำแหน่งของประเทศในการแข่งขันทางการค้าในเวทีโลกและเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทยให้เจริญก้าวหน้าเท่าทันสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ตั้งแต่ตนมาทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ช่วง 4 ปีที่ผ่านมา สามารถแก้ปัญหาการค้า จึงเดินหน้าไปได้อย่างรวดเร็วและแก้ปัญหาอุปสรรคได้เยอะ ตัวเลขการส่งออกเป็นบวกเพียงไม่กี่ประเทศจากสถานการณ์วิกฤตที่เกิดขึ้น ปี’64 ทำได้ 8.5 ล้านล้านบาท แต่ปี’65 ตนเชื่อว่าจะทำได้เกือบ 10 ล้านล้านบาท

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์

ทุกภาคส่วนมีส่วนสำคัญในการสร้างเงินสร้างอนาคตให้กับประเทศไทย และเราต้องให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจแบบยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ท่องเที่ยว อุตสาหกรรมการเกษตร เวลเนสและสังคมผู้สูงอายุ ทั้งหมดต้องเดินหน้าไปสู่ความยั่งยืนเป็นข้อสรุปที่ถูกต้องที่สุด เป็นสิ่งที่ประเทศไทยต้องทำ และที่สำคัญคือสิ่งที่โลกต้องการ สุดท้ายเราก็ต้องทำ เพราะกลายเป็นกติกาโลก

ทั้งนี้ เรากำลังต้องเผชิญกับปัญหา 1.ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์หรือปัญหาความขัดแย้งของโลก จับขั้ว แบ่งข้าง เอาเศรษฐกิจการค้ามัดรวมกับการเมือง และมีการบังคับเลือกข้าง 3-4 กลไกใหญ่ เช่น 1) RCEP ที่จีนเป็นพี่ใหญ่ ซึ่งสำเร็จมีผลบังคับใช้แล้ว 2) อินโดแปซิฟิกที่สหรัฐกำลังเป็นหัวเรือรวบรวมสมาชิก จุดยืนประเทศไทยเราต้องเลือกอาเซียน จับมือกับประเทศสมาชิกให้เราตัวโตขึ้น เป็นยุทธศาสตร์ที่ประเทศไทยต้องยืน 3) เอเปค มีทั้งจีน สหรัฐ อนาคตจะพัฒนาเป็น FTA มี GDP 2 ใน 3 ของโลก ถ้าเจรจาสำเร็จแต่คงอีกยาวนานพอสมควร

2.ความยั่งยืน แปลความหมายได้สองอย่าง 1) ทางบวก คือสิ่งแวดล้อมและอื่น ๆ และ 2) ทางลบ ในอนาคตจะเป็นเครื่องมือกีดกันทางการค้าของประเทศที่ถูกตราหน้าว่าไม่ไปสู่ความยั่งยืน

3.ปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัว เติบโตน้อยลง ปีนี้โต 2.7% ทำการค้าจะลดความคล่องตัว การส่งออกได้รับผลกระทบ ต้องเร่งทะลวงความท้าทาย ภาครัฐต้องจับมือกับภาคเอกชนเดินหน้าต่อไป ปีนี้เราจะบุกตลาดที่มีศักยภาพอย่างน้อย 3 ตลาดที่ยังบวก เช่นตะวันออกกลาง

ตนจะเดินทางไปสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) วันที่ 6-8 กุมภาพันธ์ เพื่อตั้งสภาความร่วมมือเอกชน 2 ประเทศ และจะไปเซ็น MoU กับบริษัทโลจิสติกส์ทางเรือยักษ์ใหญ่ที่สุดของ UAE มีเครือข่าย 40 ท่าเรือทั่วโลก เพื่อสร้างเงินสร้างอนาคตไว้ให้ประเทศ และเร่งทำ FTA สร้างแต้มต่อให้อนาคต

“ตอนนี้ไทยมี 14 FTA กับ 18 ประเทศ ต้องเร่งเพิ่มโดยเฉพาะกับอียู ติดขัดจากช่วงยึดอำนาจเลิกเจรจา วันนี้เกือบเสร็จเหลือฝ่ายการเมืองแสดงเจตจำนง เพื่อส่งออกสินค้าได้ตลาดใหม่ภาษีเป็นศูนย์ในอนาคต พรุ่งนี้ผมจะไปบรัสเซลล์ เพื่อพบรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีการค้าสหภาพยุโรป จะได้ประชุมหาข้อสรุปนับหนึ่งทางการเมือง ตนหวังว่าไปเที่ยวนี้จะนำความสำเร็จกลับมา ถ้าได้นับหนึ่งเมื่อไหร่เราจะสร้างเงินสร้างอนาคตให้กับประเทศไทยต่อไป”

TEPCoT เป็นหลักสูตรที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และหอการค้าไทย เปิดการอบรมมาตั้งแต่ปี 2550 ถึงปัจจุบัน โดย TEPCoT เป็นหลักสูตรที่มุ่งสร้างวิสัยทัศน์ที่ได้มาจากการบูรณาการองค์ความรู้ แนวคิด ประสบการณ์ทางการค้า การพาณิชย์ด้านต่าง ๆ และเสริมสร้างเครือข่ายแก่ผู้บริหารระดับสูงขององค์กรภาครัฐและเอกชน ซึ่งจะเป็นผู้นำและพัฒนาเศรษฐกิจและการพาณิชย์ของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต นำพาประเทศไทยสู่การเป็นผู้นำเศรษฐกิจของเอเชีย และสามารถแข่งขันได้อย่างโดดเด่นในเวทีโลก