Mission to the Sun ภารกิจเปลี่ยน WHA เป็น Tech Company

จรีพร จารุกรสกุล
จรีพร จารุกรสกุล

ในงานสัมมนา “New Era Economy อนาคตประเทศไทย” ที่จัดขึ้นโดยหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา “นางสาวจรีพร จารุกรสกุล” ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA ได้ฉายภาพถึง “Thailand Opportunity” ว่า

โอกาสของประเทศไทยนั้นมีมากในหลาย ๆ ด้าน ทั้งสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีที่นับว่าดีที่สุดหากเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านในขณะนี้ บุคลากรมีความเชี่ยวชาญ การมีโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคที่พร้อม มีการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษหลายแห่ง เช่น เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยหลายกลุ่มธุรกิจเติบโตมากขึ้นในช่วงเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และช่วงหลังโควิด เช่น อุตสาหกรรมยา ดิจิทัล ผลจากการ work from home

ทั้งหมดนี้สะท้อนได้ว่า ประเทศไทยนั้น “ตอบโจทย์” และเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุนทุกระดับ ไม่เคยเสียเปรียบคู่แข่ง เพราะไทยสามารถใช้จุดแข็งจากโครงสร้างพื้นฐานดึงดูดการลงทุนเข้ามาได้มาก มีมูลค่าโครงการหลักหมื่นล้านบาทและระดับแสนล้านบาท โดยหากเทียบกับช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ปรากฏ WHA สามารถดึงการลงทุนมาได้ 1.4 ล้านล้านบาทให้เข้ามาในนิคมอุตสาหกรรมพื้นที่ EEC สร้างแรงงานได้ถึง 200,000 ตำแหน่ง ส่งผลให้ GDP จ.ระยอง เติบโตสูงที่สุด เกิดทั้งการจ้างงาน เกิดการผลิต รายได้เข้าประเทศทั้งหมด

ทุนใหญ่รถ EV จากจีนกำลังมา

ทั้งนี้พื้นที่ในเขตพัฒนาพิเศษ EEC ยังคงเป็นจุดแข็งและจุดขายของประเทศ บวกกับการที่รัฐบาลกำหนดให้มีอุตสาหกรรม S-curve ทั้งตัวเดิมและอุตสาหกรรมใหม่ขึ้นมา การเกิดสงครามการค้าระหว่างจีนกับอเมริกา ความขัดแย้งระหว่างไต้หวันกับจีน ส่งผลให้อาเซียนได้รับอานิสงส์ เกิดปรากฏการณ์ย้ายฐานการผลิตมาที่ประเทศไทย เวียดนาม และอินโดนีเซีย โดยส่วนใหญ่จะเป็นนักลงทุนจากจีนที่ต้องหาแหล่งผลิตใหม่ เพื่อใช้เป็นฐานในการส่งออกไปสหรัฐ เช่นเดียวกันกับไต้หวันที่ส่งสัญญาณและเล็งมาที่ประเทศไทย

แต่ปรากฏการณ์การลงทุนรอบนี้ต่างจากเมื่อ 30 ปีก่อนที่นักลงทุนส่วนใหญ่จะเป็น “ญี่ปุ่น” ทั้งมูลค่าโครงการและจำนวนโครงการที่ตั้งฐานการผลิตที่ไทยแทบทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะ “อุตสาหกรรมยานยนต์” แต่ครั้งนี้ทุนใหญ่จากจีนได้ตัดสินใจใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตมากขึ้น ซึ่งไม่ใช่เพียงการเข้ามาแค่บริษัท แต่ดึงทั้ง supply chain เข้ามาทั้งหมด เช่น ค่ายรถจาก MG ตามมาด้วยเกรท วอลล์ มอเตอร์ (GWM)

และรายล่าสุด BYD ที่ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายที่ดินจำนวน 600 ไร่ในนิคมอุตสาหกรรม WHA ระยอง 36 เพื่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์นั่งไฟฟ้าพวงมาลัยขวาที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด เพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบเเบตเตอรี่ (BEV) ในปี 2567 กำลังการผลิต 150,000 คัน/ปี ซึ่งนับว่าเป็นดีลใหญ่ที่สุดของ WHA

“ทาง BYD เอง ประกาศในแผนการลงทุนสเต็ปต่อไปว่า จะดึงซัพพลายเชนที่ผลิตแบตเตอรี่เข้ามาลงทุนในเฟส 2 ตามมา แม้จะเป็นโอกาสที่ประเทศไทยจะก้าวขึ้นเป็น hub EV แต่ในขณะเดียวกันมันก็คือการแข่งขัน เพราะการลงทุนของจีนในลักษณะนี้เป็นการเข้ามาแบบต้นทุนต่ำกว่าไทย โจทย์ก็คือ แล้วไทยจะออกแบบยังไงให้ไทยยังคงได้เปรียบจากการแข่งขันนี้ เช่นเดียวกับนักลงทุนญี่ปุ่นล่าสุดได้ประกาศแผนการลงทุนครั้งใหม่ด้วยการยืนยันว่า จะใช้ไทยเป็นฐานการผลิต EV เช่นกัน” น.ส.จรีพรกล่าว

Mission to the Sun

อย่างไรก็ตาม WHA มีเป้าหมายชัดเจนในการเดินหน้าพัฒนาธุรกิจ “นิคมอุตสาหกรรม” มีพื้นที่ภายใต้การบริหาร 71,000 ไร่ เป็นพื้นที่พร้อมขายกว่า 4,000 ไร่ รวม 12 แห่งทั้งในไทยและเวียดนาม ธุรกิจโลจิสติกส์มีพื้นที่คลังสินค้าทั้งหมด 2,720,000 ตารางเมตร

ธุรกิจสาธารณูปโภคมียอดจำหน่ายน้ำและบริหารน้ำรวม 145 ล้านลูกบาศก์เมตร และธุรกิจดิจิทัล สร้างแพลตฟอร์มผ่านโครงการต่าง ๆ จำนวน 32 โครงการ เพื่อทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่ดิจิทัล ก้าวสู่การเป็น tech company ทั้ง 4 ธุรกิจหลักนี้จะเติบโตควบคู่ไปกับธุรกิจที่เข้าไปลงทุนในเวียดนาม

ดังนั้นการจะเป็น technology company หรือนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาไปสู่องค์กรที่เปี่ยมประสิทธิภาพ ทำให้ WHA Group ต้องเริ่มภารกิจ “Mission to the Sun” ซึ่งจะประกอบไปด้วย 9 โครงการ มีเป้าหมายเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ บริการใหม่ ๆ ความพึงพอใจให้กับลูกค้า พัฒนาองค์กร และบุคลากรของบริษัท เช่น โครงการ Green Logistics, Digital Assets (Metaverse), Digital Health Tech, Circular

New Era ประเทศไทย

สำหรับนโยบายและกลยุทธ์ของ WHA ที่ได้วางไว้และสามารถเดินหน้าขับเคลื่อนไปได้ตามแผนก็เนื่องมาจาก “การมอง global megatrends ออก” เรารู้ว่า ขณะนี้โลกกำลังเกิดอะไรขึ้น และอนาคตจะเกิดอะไร เช่น เทรนด์เทคโนโลยี เทรนด์ geopolitics หรือแม้แต่เทรนด์ที่เกิดจาก climate change รวมถึงเทรนด์ของแต่ละองค์กรที่ต้องดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม ธรรมาภิบาล (ESG) ซึ่งจะเกิดอุตสาหกรรมต่าง ๆ ขึ้นมา และกำลังจะนำไปสู่เรื่องของ “พลังงานสะอาด” อย่างรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ตามมาด้วยธุรกิจที่กักเก็บพลังงานเช่นแบตเตอรี่ EV

หรือแม้แต่เทคโนโลยีดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (carbon capture and storage : CCS) จากนั้นจะตามมาด้วยพลังงานไฮโดรเจน ซึ่งจะเป็นพลังงานอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับรถยนต์ EV เทรนด์เหล่านี้สามารถทำให้ WHA และประเทศไทยออกแบบและเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการแข่งขัน และนี่ยังเป็น new era ตัวใหม่สำหรับประเทศไทย

“WHA อยู่ในอุตสาหกรรมต้นน้ำ มีธุรกิจที่เป็นนิคมอุตสาหกรรม สร้างผลกระทบต่อคนหลายแสนคนในพื้นที่โดยรอบ แม้เราจะมีนโยบาย เป้าหมายชัดเจน รู้ว่า new era จะต้องคำนึงถึง 3 ตัวหลักคือ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม แต่เราก็ต้องรับผิดชอบสังคมต้อง zero waste ทุกอย่างที่จะออกมาจากนิคมอุตสาหกรรม ต้องควบคุมเรื่องการปล่อยน้ำเสีย มลพิษให้ได้”

“ขณะที่ประเทศไทยเองก็อยู่ท่ามกลาง geopolitics ไม่ใช่แค่การถูกดิสรัปชั่นเรื่องของดิจิทัล และปัจจัยต่าง ๆ จากทุกด้านกำลังส่งผลให้เกิดขึ้นเร็ว โจทย์คือจะออกแบบประเทศไทยอย่างไร เพื่อที่ไทยจะไม่สูญเสียโอกาสทองนี้ไป เพราะไทยมีจุดแข็งมากมาย ควบคู่ไปกับการเติบโตอย่างยั่งยืน แต่จะโตอย่างไร”