จุดความร้อนไทย 1,328 จุด เชียงรายอันดับ 1 จุดความร้อน-ค่าฝุ่น PM 2.5

เผาป่าภาคเหนือ

ดาวเทียมพบจุดความร้อนของไทยวานนี้ขยับขึ้นเล็กน้อย 1,328 จุด PM 2.5 เช้านี้ยังคงเกินค่ามาตรฐานเกือบ 30 จังหวัด เชียงรายยังคงนำกว่า 160 ไมโครกรัม ส่วน กทม.อยู่ระดับปานกลาง

วันที่ 19 เมษายน 2566 สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เปิดเผยว่า ข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของวันที่ 18 เมษายน 2566 ไทยพบจุดความร้อน 1,328 จุด ในขณะที่จุดความร้อนเพื่อนบ้าน สปป.ลาว ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งที่ 3,410 จุด, พม่า 3,258 จุด, เวียดนาม 553 จุด, กัมพูชา 55 จุด, มาเลเซีย 33 จุด

ข้อมูลจากดาวเทียมระบุอีกว่า จุดความร้อนในประเทศไทย ยังคงพบในพื้นป่าอนุรักษ์มากที่สุด 501 จุด ตามด้วยป่าสงวนแห่งชาติ 374 จุด, พื้นที่เกษตร 248 จุด, พื้นที่เขต ส.ป.ก. 129 จุด, พื้นที่ชุมชนอื่น ๆ 64 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 12 จุด สำหรับจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด 3 อันดับ คือ #เชียงราย 245 จุด, #เชียงใหม่ 131 จุด และ #น่าน 100 จุด

ในขณะที่สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ของวันนี้เวลา 09.00 น. ยังคงเกินค่ามาตรฐานและอยู่ในระดับสีส้มไปจนถึงสีแดงในหลายพื้นที่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพแล้ว โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงราย มีค่าฝุ่นอันดับหนึ่งอยู่ที่ 168 ไมโครกรัม รองลงมาคือแม่ฮ่องสอน 134 ไมโครกรัม และเชียงใหม่ 120 ไมโครกรัม

ทั้งนี้ สถานการณ์ดังกล่าว ประชาชนควรสวมหน้ากากอนามัย และงดกิจกรรมภายนอกอาคารสถานที่ เพื่อป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจที่จะตามมา ในขณะที่กรุงเทพมหานคร คุณภาพอากาศอยู่ในระดับปานกลาง

Advertisment

สิ่งหนึ่งที่ต้องเฝ้าระวังที่มักจะมากับเหตุการณ์ไฟป่าและจุดความร้อนคือ PM 2.5 สถานการณ์จุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลให้เกิด PM 2.5 ได้ในพื้นที่บริเวณชายแดน เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากกระแสลมที่จะพัดผ่านเข้ามา ประกอบกับภูมิประเทศทางภาคเหนือของไทยมีลักษณะเป็นหุบเขาแอ่งกระทะ จึงมีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกับการพัดและการเคลื่อนตัวของกระแสลมในพื้นที่เป็นสำคัญ

ปัญหาไฟป่าหมอกควัน ส่งผลกระทบให้กับระบบต่าง ๆ ของประเทศมาโดยตลอด โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจ ระบบสังคม และสิ่งแวดล้อม ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศไทยกำลังจะได้ใช้ระบบ THEOS-2 อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่ง 1 ในภารกิจสำคัญของระบบนี้คือ การสำรวจ วิเคราะห์ และติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้น หรือคาดว่าจะเกิดขึ้นได้อย่างแม่นยำและทันท่วงที เพื่อการสนับสนุนข้อมูลสำคัญให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำข้อมูลไปใช้วางแผน ป้องกัน บรรเทา และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม รายละเอียดข้อมูลเฉพาะพื้นที่ท่านสามารถติดตามจากหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบโดยตรง GISTDA ยังคงติดตามและรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้บริหารจัดการในพื้นที่

ทั้งนี้ สามารถติดตามข้อมูลจาก https://fire.gistda.or.th/dashboard.html และควรติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ผ่านแอปพลิเคชั่น “#เช็คฝุ่น”

Advertisment