สัปดาห์หน้าจุรินทร์เตรียมถกรับมือ “เอลนีโญ” ขณะที่ราคาสินค้าเกษตรพุ่งยกแผง ราคาข้าวเปลือกพุ่งแซงราคาประกันรายได้แล้ว 2 พัน/ตัน ฟุ้งยังไม่กระทบราคาข้าวถุง
วันที่ 4 สิงหาคม 2566 นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมการค้าภายในมีการติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสินค้าทางการเกษตร อาทิ ข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพด ก่อนที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์ผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งและมาตรการดูแลในส่วนที่เกี่ยวข้องในสัปดาห์หน้า
ล่าสุดพบว่าราคาสินค้าเกษตรเวลานี้ ถือได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะข้าว สถานการณ์ราคาข้าว ดีกว่าราคาประกันรายได้ โดยกลุ่มข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาตลาดเฉลี่ยตันละ 14,400-15,600 บาท สูงกว่าราคาประกันที่กำหนด ตันละ 15,000 บาท ไปถึง 600 บาท
ราคาตลาดข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ราคาเฉลี่ยตันละ 13,500-14,000 บาท สูงกว่าราคาประกัน 12,000 บาท ไปถึง 1,500-2,000 บาท
ขณะที่ราคาตลาดข้าวเปลือกเจ้า ราคาเฉลี่ยตันละ 10,500-11,500 บาท สูงกว่าราคาประกันที่กำหนด 10,000 บาทไปแล้ว 500-1,500 บาท
และข้าวเปลือกปทุมธานี ราคาเฉลี่ยตันละ 11,700-12,500 บาท สูงกว่า ราคาประกัน 11,000 บาท ไปถึง 700-1,500 บาท
“ข้าวเปลือกหอมมะลิและข้าวเปลือกปทุมธานี มีแนวโน้มราคาทรงตัวอยู่ในเกณฑ์ดี ส่วนข้าวเปลือกและข้าวเหนียวเมล็ดยาวก็มีแนวโน้มราคาทรงตัวหรือปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากผลผลิตข้าวในสต๊อกของโรงสีลดลง ขณะที่ความต้องการใช้เพื่อเก็บเป็นสต๊อก รวมทั้งใช้ส่งมอบทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยในปีนี้ตั้งเป้าส่งออกอยู่ที่ 8 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 7 ล้านตัน ทำให้มีการเสนอราคาเพิ่มขึ้นส่งผลให้เกษตรกรได้รับประโยชน์”
ส่วนราคาข้าวสารบรรจุถุงที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนราคาข้าวในประเทศสูงขึ้นนั้น นายวัฒนศักย์ยืนยันว่า ราคาข้าวสารบรรจุถุงจะไม่ปรับราคาสูงขึ้น เนื่องจากมีการแข่งขันสูง โดยราคาเฉลี่ยข้าวหอมมะลิบรรจุถุงขนาด 5 กิโลกรัมอยู่ที่ถุงละ 210 บาท ส่วนข้าวขาวเฉลี่ยอยู่ที่ถุงละ 117 บาท
ขณะที่สินค้าเกษตรอื่นก็มีการปรับราคาเพิ่มขึ้นจากช่วงสัปดาห์ก่อน อาทิ มันสำปะหลัง ราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 3.28 บาท ปาล์มน้ำมันราคากิโลกรัมละ 5.75-6.20 บาท ราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดอยู่ที่ 45.72 บาท
ส่วนไข่ไก่เฉลี่ยอยู่ที่ฟองละ 4.30 บาท ส่วนราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนอยู่ที่กิโลกรัมละ 10.65 บาท ทำให้ต้นทุนในการผลิตวัตถุดิบอาหารสัตว์ปรับตัวลดลง
ในขณะที่ราคาผักสดมีแนวโน้มราคาคงที่ แต่เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาทุกรายการปรับลดลง โดยราคาผักขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ หากฝนตกชุกก็อาจทำให้ผลผลิตได้รับความเสียหาย ขณะที่ราคาผลไม้ อาทิ มังคุด มะม่วง ทุเรียน ส้มโอ ปรับราคาขึ้นจากปีก่อน
ส่วนสินค้ากลุ่มอุปโภคบริโภคยังไม่มีการปรับราคา แต่ก็ได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้ช่วยตรึงราคาไว้ผ่านการจัดโปรโมชั่นหรือการจัดกิจกรรมลดราคา นอกจากนี้ยังมีสินค้าหลายชนิดที่กรมการค้าภายในต้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อให้มีปริมาณสินค้าเพียงพอ
นอกจากนี้ยังได้เน้นย้ำให้สำนักงานสาขาของกรมการค้าภายในเข้าตรวจสอบสถานีบริการน้ำมันต่าง ๆ และเตรียมเชิญผู้ประกอบการผลิตน้ำมันและเจ้าของแบรนด์สินค้าน้ำมันมาได้พูดคุยและตรวจสอบความเที่ยงตรงให้ได้มาตรฐานร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ในสัปดาห์หน้า