ราคาถ่านหินร่วงฉุดผลประกอบการครึ่งปี’66 AGE ประคองกำไร 125.9 ล้าน

AGE เปิดผลประกอบการครึ่งแรกปี’66 กำไร 125.9 ล้าน ลด 80% จากราคาถ่านหินร่วง ประกาศเร่งปรับกลยุทธ์ สร้างพอร์ตธุรกิจยั่งยืน

วันที่ 9 สิงหาคม 2566 นายพนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE รายงานผลการดำเนินงานประจำงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 ว่า บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ 7,291.3 ล้านบาท ซึ่งลดลง 11.8% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา (YOY) และมีกำไรสุทธิ 125.9 ล้านบาท ลดลง 80% (YOY)

สาเหตุจากปริมาณการขายถ่านหินที่ปรับตัวลดลง และราคาถ่านหินที่ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว โดยงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 มียอดขายถ่านหินรวม 1.82 ล้านตัน ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากปีก่อน เนื่องจากปริมาณการขายต่างประเทศปรับตัวลดลง

ส่วนรายได้จากธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ งวด 6 เดือนแรกของปี 2566 อยู่ที่ 973 ล้านบาท ลดลง 4% (YOY) ในขณะที่รายได้จากให้บริการกับกลุ่มลูกค้าภายนอก อยู่ที่ 309.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.3% (YOY) และรายได้จากการให้บริการกลุ่มบริษัทในเครือ AGE จำนวน 664 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2566 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ 2,790.1 ล้านบาท ลดลง 38.7% (YOY) โดยแบ่งเป็นรายได้จากการขายถ่านหินที่ 2,647.4 ล้านบาท ลดลง 39.8% (YOY) และรายได้จากธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ที่ 142.7 ล้านบาท ลดลง 7.9% (YOY) จึงส่งผลให้ไตรมาสดังกล่าวมีผลขาดทุนสุทธิ 170.4 ล้านบาท

สาเหตุจากปริมาณการขายถ่านหินและราคาถ่านหินที่ปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นผลจากภาพรวมของสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว อัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับสูง

นอกจากนี้ ประธานกรรมการบริหาร AGE กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจในครึ่งหลังของปี 2566 ว่า คาดว่าผลประกอบการของบริษัทในไตรมาส 3/66 จะทยอยปรับตัวดีขึ้นจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ และราคาถ่านหินที่เริ่มปรับตัวในระดับที่ทรงตัว

จากการประเมินผลประกอบการ และสภาวะอุตสาหกรรมในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทจึงตัดสินใจพิจารณาปรับเป้าปริมาณการขายถ่านหินมาอยู่ที่ 4 ล้านตัน และมีแผนลงทุนในรถบรรทุกเพิ่มจำนวน 25 พ่วง ซึ่งปัจจุบันมีรถบรรทุก 104 พ่วง เพื่อรองรับงานให้บริการขนส่งโลจิสติกส์ทั้งสินค้าเกษตร และสินค้าอุตสาหกรรมที่จะเพิ่มขึ้นในปีนี้

 โดยตั้งแต่ต้นปี 2566 จนถึงปัจจุบัน ราคาถ่านหินมีการปรับตัวที่ผันผวนค่อนข้างมาก เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีทิศทางชะลอตัว และราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวลดลง ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวทำให้ AGE จึงมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง ทั้งการบริหารจัดการต้นทุนสินค้า ต้นทุนการขนส่งและการบริหารการจัดการสินค้าคงคลัง

ขณะที่ธุรกิจลีสซิ่ง บริษัทยังคงเดินหน้าโครงการ “เถ้าแก่น้อย” อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด ได้มีการปล่อยสินเชื่อ เฟส 3 ให้กับพนักงานขับรถ 3 ราย ที่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติ ภายใต้การบริหารจัดการโดยบริษัท เอจีอี ลิสซิ่ง จำกัด บริษัทย่อยของ AGE โดยปัจจุบันมีพนักงานเข้าร่วมโครงการรวมแล้ว 19 ราย

นอกจากนี้ นายพนมยังได้กล่าวถึงการเข้าลงทุนใน บมจ.คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ (QTC) จำนวน 80 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นที่ 23.45% ของทุนจดทะเบียนและชำระแล้วของ QTC หรือคิดเป็นเงินทั้งสิ้น 320.80 ล้านบาทว่า การเข้าซื้อหุ้นดังกล่าว เป็นการเริ่มการลงทุนของกลุ่มบริษัท นอกเหนือจากการเติบโตจากการลงทุนเดิม

ซึ่งบริษัทคาดหวังว่าการเข้าลงทุนใน QTC เร่งพัฒนาความยั่งยืนของพอร์ตการลงทุนของบริษัทในระยะยาว ซึ่งบริษัทมุ่งเน้นการลุงทุนใน 3 กลุ่มหลัก เช่น 1.ระบบขนส่งโลจิสติกส์ครบวงจร 2.พลังงานทดแทน และ 3.การลงทุนในธุรกิจยั่งยืนอื่น ๆ

โดย QTC ประกอบธุรกิจหลักในอุตสาหกรรมไฟฟ้าซึ่งมีการเติบโตในระดับที่สูง ซึ่งได้ประโยชน์โดยตรงจากนโยบายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งในปัจจุบัน QTC มีธุรกิจหลัก 3 ธุรกิจ คือ 1.หม้อแปลงไฟฟ้า 2.การลงทุนในบริษัท คิวโซลาร์ 1 จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ขนาด 8.6 MW และ 3.ธุรกิจขายแผงโซลาร์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง