สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เตรียมผลักดันกฎหมาย พ.ร.บ.สุกรและเนื้อสุกร ตั้งกองทุนสุกรและเนื้อสุกร ห้ามนำเข้าพร้อมดูแลโครงสร้างราคาทั้งระบบ
วันที่ 23 มกราคม 2567 ในการประชุมคณะกรรมการสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ครั้งแรก เมื่อ 22 มกราคม 2567 นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เตรียมผลักดันกฎหมาย เพื่อการจัดการอุตสาหกรรมสุกรให้มีกฎเกณฑ์ที่ประสานประโยชน์ ให้กับผู้เลี้ยงสุกรทุกกลุ่ม ผู้ประกอบการค้าสุกรทั้งสุกรมีชีวิต ผู้จำหน่ายปลีกเนื้อสุกร ให้ได้รับความยุติธรรม เสมอภาคและเท่าเทียม
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
และเพื่อให้ภาคปศุสัตว์ไทย เป็นเครื่องจักรเศรษฐกิจหลักของการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศที่สอดคล้องทั้งยุทธศาสตร์ชาติ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (2566-2570)
เปิดเจตนารมณ์กฎหมาย
สำหรับเจตนารมณ์ พระราชบัญญัตินี้ประกอบด้วย
1.ให้อุตสาหกรรมสุกรเป็นเศรษฐกิจหลักหนึ่งของประเทศ ที่ภาครัฐควรรับรู้ใกล้ชิดมากขึ้น โดยกำหนดให้ฝ่ายบริหารภาครัฐเป็นส่วนหนึ่งในคณะกรรมการสุกรและเนื้อสุกรแห่งชาติ (มาตรา 13) เพราะตลอดระยะเวลาแห่งการสูญเสียของการประสบปัญหาการขาดทุนของเกษตรกรผู้เลี้ยงในหลาย ๆ ครั้ง
และที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ภาครัฐยื่นมือเข้ามาให้การช่วยเหลือน้อยมากกว่าที่ควรจะเป็น เพราะการเกษตรปศุสัตว์เป็นเกษตรที่สามารถกำหนดการผลิตได้อย่างชัดเจน จากมาตรฐานการเลี้ยงของไทยที่เข้าสู่ภาคบังคับแล้วในปัจจุบัน
2.ตั้งกองทุนสุกรและเนื้อสุกรเกี่ยวโยงกับงบประมาณแผ่นดิน โดยกองทุนหลักมาจากการเก็บเงินสมทบจากผู้เลี้ยง ผู้ค้า ผู้แปรรูป ผู้ส่งออก และผู้นำเข้า เพื่อนำมาใช้บริหารจัดการอุตสาหกรรมสุกรทั้งระบบ (มาตรา 18) ให้มีดุลยภาพที่ไม่ส่งผลลบต่อราคา โดยเฉพาะราคาสุกรขุนหน้าฟาร์ม
3.บัญญัติการห้ามนำเข้าอย่างชัดเจนเป็นข้อกฎหมาย โดยมีข้อยกเว้นกรณีมีเหตุจำเป็น (มาตรา 27, 28) เพื่อบริหารจัดการสมดุลของตลาดถึงแม้บางส่วนจะต้องมีการนำเข้าตามความจำเป็น เช่น เครื่องในสุกร เช่น ตับสุกรเพื่อการจำหน่ายที่ผลผลิตในประเทศมีเพียงประมาณ 30,000 เมตริกตันต่อปี ไส้สุกรสำหรับอุตสาหกรรมไส้กรอก หนังสุกรสำหรับอุตสาหกรรมแคปหมูและเครื่องหนัง
4.มีโครงสร้างการกำหนดราคาขั้นต้นราคาสุกรและเนื้อสุกรเพื่อสร้างความยุติธรรม ระหว่างผู้เลี้ยง ผู้ค้า ผู้แปรรูป ผู้ส่งออก และผู้บริโภค (มาตรา 29 (5)) โดยเฉพาะราคาสุกรขุนหน้าฟาร์ม และราคาเนื้อสุกรที่เป็นเนื้อแดงพื้นฐาน เช่น ส่วนสะโพก ส่วนหัวไหล่ โดยจะไม่ครอบคลุมไปถึงส่วนเนื้อตัดแต่งและสินค้าระดับพรีเมี่ยมที่เป็นผลิตภัณฑ์ทางเลือกของผู้บริโภค
5.มีบัญญัติการกำหนดปริมาณการผลิตตามประมาณการความต้องการการบริโภค ความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศอย่างชัดเจน มีการจัดสัดส่วนการเพิ่มการผลิตอย่างเป็นธรรมตามฐานของปริมาณการผลิตตั้งต้น เพื่อป้องกันการครอบครองตลาดเกินควร เว้นแต่มีการสร้างตลาดใหม่ที่ไม่ได้ไปครอบงำตลาดเดิมของผู้เลี้ยงสุกรด้วยกัน (มาตรา 29 (3)) โดยคณะกรรมการสุกรและเนื้อสุกรจะนำข้อมูลความต้องการบริโภค ตลาดแปรรูป ตลาดส่งออก มาเป็นตัวตั้งที่นำมากำหนดปริมาณการผลิตในแต่ละปี
6.บัญญัติให้มีการขึ้นทะเบียนฟาร์ม ขึ้นทะเบียนกลุ่มผู้เลี้ยงต่อคณะกรรมการเพื่อง่ายต่อการวางแผนการผลิตในแต่ละปี (มาตรา 25) โดยมีบทบัญญัติการให้เป็นสมาชิกรวมกลุ่มที่มีสภาพทางกฎหมาย เช่น กลุ่มสหกรณ์การเกษตร เพื่อบริหารจัดการเพื่อการต่อยอดในลักษณะเดียวกับบริษัทการเกษตรครบวงจรทั่วไป เพื่อกระจายความเสี่ยงอย่างบูรณาการ
7.ให้อำนาจหน้าที่กับพนักงานเจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานคณะกรรมการกองทุนสุกรและเนื้อสุกรที่เป็นหน่วยงานของรัฐเข้าตรวจสอบฟาร์มสุกรต้องสงสัยว่าฝ่าฝืนข้อกำหนดได้ (มาตรา 50 (1) (2)) เช่น มีจำนวนแม่พันธุ์ สุกรขุน มากกว่าที่รายงานจำนวนประชากรสุกรต่อคณะกรรมการ เนื่องจากการประกอบอาชีพสินค้าโภคภัณฑ์จะต้องมีตัวเลขที่ชัดเจน ตลาดชัดเจน
8.บัญญัติบทลงโทษทางอาญาในกรณีที่ผู้เลี้ยง ผู้ค้า ผู้แปรรูป ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของคณะกรรมการ (มาตรา 60 ถึง 64)
9.มีการตั้งสำนักงานคณะกรรมการกองทุนสุกรและเนื้อสุกร ที่มีการบัญชี การตรวจสอบ และการประเมินการดำเนินงานของสำนักงาน (มาตรา 39)
10.ผู้เลี้ยงสุกรทั้งประเทศมีส่วนร่วมในการเข้ามาเป็นตัวแทนกรรมการที่มีทั้ง 3 คณะกรรมการ 1) คณะกรรมการสุกรและเนื้อสุกรแห่งชาติ (มาตรา 8) 2) คณะกรรมการกองทุนสุกรและเนื้อสุกร (มาตรา 19) 3) คณะกรรมการควบคุมคุณภาพและกำหนดราคาสุกรและเนื้อสุกร (มาตรา 29)
ขั้นตอนการพิจารณา
สำหรับขั้นตอนในการพิจารณา
1.คณะกรรมการสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ และกลุ่มผู้เลี้ยงสุกรทั้งประเทศ
- คณะทำงานกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
3.คณะรัฐมนตรี
4.สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา หรือ รัฐสภา
ประกาศในราชกิจจานุเบกษา (ประกาศใช้)
ทั้งนี้ เปิดโอกาศให้ผู้มีส่วนในวงการสุกรทุกขนาดทุกกลุ่มสามารถเสนอตัวเข้าร่วมเป็นกรรมการพิจารณารายมาตราเบื้องต้น สามารถติดต่อโดยตรงได้ที่ สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ โทร.0-2136-4797 อีเมล์ [email protected]