อานิสงส์อีคอมเมิร์ซดันยอด “แฟลช เอ็กซ์เพรส” 5 ปี 4,000 ล้านบาท

“แฟลช เอ็กซ์เพรส” ผนึกจีนรุกตลาดโลจิสติกส์เตรียมลงทุน 2,500 ล้านบาท พัฒนาประสิทธิภาพ เล็งขยายบริการส่งพัสดุทั่วอาเซียน ตั้งเป้าหมายดันยอดค้า 4,000 ล้านบาท ใน 5 ปี

นายคมสันต์ แซ่ลี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส ผู้นำด้านบริการขนส่งพัสดุทั่วประเทศ เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงทุนกว่า 2,500 ล้านบาท เพื่อผลักดันธุรกิจขนส่งพัสดุในประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยทางบริษัทคาดว่าในปีแรก จะมีปริมาณสินค้าจัดส่งประมาณ 5,000 ชิ้นต่อวัน และเพิ่มขึ้น 5-30% ในปีที่ 2 และ 3 ซึ่งจะทำให้บริษัทมีรายได้ประมาณ 200 ล้านบาท ในปีแรก และเพิ่มเป็น 1,000 ล้านบาท ใน 3 ปี และเพิ่มเป็น 4,000 ล้านบาท ในอีก 5 ปีข้างหน้า

“แนวโน้มของตลาดขนส่งพัสดุในไทยเติบโตขึ้นปีละกว่า 20% ในช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมา ความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการรับส่งพัสดุที่เร่งด่วนมีจำนวนมากขึ้น ส่วนหนึ่งมีสาเหตุจากการขยายตัวของธุรกิจ e-Commerce ในรูปแบบค้าปลีกค้าส่ง ที่ในแต่ละปีเติบโตสูงถึง 30% ปัจจุบันธุรกิจขนส่งมีมูลค่าประมาณ 700,000 ล้านบาท ส่งผลให้ธุรกิจขนส่งสินค้าเติบโตสูงขึ้นตาม

แต่ทว่าปัจจุบันลูกค้าต้องเดินทางไกล รอคิวนาน หรือลูกค้าต้องหยุดงานเพื่อรอส่งสินค้าเพียงอย่างเดียว ทางแฟลช เอ็กซ์เพรส จึงพัฒนาบริการให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เพียง booking เข้ารับพัสดุผ่าน mobile applica-tion ของบริษัทจะเข้ารับพัสดุถึงหน้าบ้านลูกค้าฟรี โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเข้ารับ และไม่มีขั้นต่ำในการเข้ารับพัสดุ ภายใต้สโลแกน “คิดถึง ส่งถึง” มุ่งเน้นการดูแลพัสดุทุกกล่องของลูกค้าอย่างดีให้ถึงปลายทางอย่างปลอดภัย เสมือนความคิดถึงที่ลูกค้าได้ส่งมอบให้แก่กัน และขนส่งพัสดุที่รวดเร็ว ปลอดภัย เพราะดูแลด้วยทีมงานมืออาชีพ มีความชำนาญด้านนี้กว่า 20 ปี เคยร่วมงานบริษัทอาลีบาบา และอาลีเพย์”

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถเข้ารับพัสดุถึงบ้านลูกค้าได้ฟรีครอบคลุม 30 จังหวัด ในเดือนพฤษภาคมนี้ และวางแผนที่จะสามารถเข้ารับพัสดุได้ครอบคลุม 77 จังหวัดในอนาคต

นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมพัฒนารูปแบบการส่งพัสดุแบบ nonstop คือให้บริการตลอด 365 วัน รวมถึงบริการรับฝากพัสดุที่คลังสินค้าฟรี ภายใต้นโยบาย รับฟรีทุกชิ้น ถึงบ้านทั่วไทย

ส่วนแผนในปี 2562 บริษัทเตรียมจับมือ 9 ประเทศอาเซียน เปิดให้บริการขนส่งพัสดุระหว่างประเทศ นำโมเดลการขนส่งพัสดุในประเทศไทยไปเป็นต้นแบบ เพื่อรองรับตลาด e-Commerce กลุ่มอาเซียนที่กำลังเติบโตอีกหลายเท่าตัวใน 2-3 ปีข้างหน้า