ปิดด่านถาวรสะเทือนหนัก ทุบค้าชายแดน”63 วืดเป้า

โควิด-19 ลากยาวกระทบด่านชายแดนถาวรปิดหลายจุด ประเทศเพื่อนบ้านชะลอคำสั่งซื้อ “หอการค้า” คาดค้าชายแดนปี 2563 โตแค่ 2% จากเดิม 7% ด้าน “พาณิชย์” เลื่อนมหกรรมค้าชายแดนไทย-กัมพูชาแล้ว

นายนิยม ไวยรัชพานิช รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และคณะอนุกรรมการกลุ่มค้าชายแดนและค้าข้ามแดนด้านจีนตอนใต้ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การค้าชายแดนปี 2563 คาดการณ์ว่าจะขยายตัวเพียง 2-3% จากเดิมที่ประเมินไว้ว่าจะขยายตัว 7%

โดยปัญหาหลักมาจากปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ประเทศคู่ค้าชายแดนปิดประเทศชะลอการสั่งซื้อ และปิดด่านการค้าชายแดนไปกว่าครึ่ง ทั้งด้านที่เชื่อมโยงมาเลเซีย กัมพูชา สปป.ลาว และเมียนมา จากทั้งหมดมี 42 จุด คงเหลือ 20 จุดเท่านั้น และยังขาดความชัดเจนเรื่องระยะเวลาในการปิด-เปิดด่านชายแดนถาวรแต่ละประเทศ ส่งผลกระทบต่อการวางแผนในการขนส่งของผู้ประกอบการ

“ปัจจุบันด่านค้าชายแดนถาวรเปิดให้บริการเพียงไม่กี่ด่าน ส่งผลให้ด่านที่ยังเปิดให้บริการมีการขนส่งสินค้าแออัด การขนส่งชะลอตัว แม้ว่าแต่ละด่านจะยังเปิดให้สามารถขนส่งสินค้าได้ แต่เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบคนขับรถขนส่งสินค้า หากพบว่ามีข้อสงสัยจะมีเชื้อไวรัสก็จะถูกกักตัว 14 วัน ซึ่งมีผลทำให้การกระจายสินค้าล่าช้ามากขึ้น”

อย่างไรก็ตาม แนวทางการตรวจสอบคนขับเป็นเรื่องที่ดี แต่อาจทำให้การขนส่งสินค้าเกิดความล่าช้า ดังนั้น หากเป็นไปได้ เอกชนต้องการให้มีการเปิดจุดขนส่งเพิ่มเติม ซึ่งประเด็นนี้หากประเทศไทยเปิดแต่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านปิดก็ไม่สามารถขนส่งสินค้าได้ ทางเรากังวลว่าหากปัญหายืดเยื้อจะกระทบการค้าชายแดนปีนี้น่าจะลดลง

สำหรับสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งซื้อที่เริ่มชะลอตัวแล้ว คือ สินค้าเกษตร ผลไม้ มันสำปะหลัง เป็นต้น หรือสินค้าที่เกี่ยวข้องกับซัพพลายเชน ในการผลิตสินค้าเพื่อการส่งออก ส่วนสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในการดำรงชีวิต ตลาดยังคงมีความต้องการนำเข้าอย่างต่อเนื่อง แต่การขนส่งและกระจายสินค้าอาจชะลอตัวจากปัญหาการปิดด่านดังกล่าว

รายงานข่าวระบุว่า จากปัจจัยต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ดังกล่าว ทำให้ทางคณะกรรมการส่งเสริมการค้าชายแดนและการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้าน อาจจะต้องมีการพิจารณาทบทวนเป้าหมายการค้าชายแดนปีนี้ จากเดิมที่มีมติเห็นชอบตั้งเป้าหมายการค้าชายแดนและผ่านแดนไทยปี 2563 เพิ่มขึ้น 15% มีมูลค่าประมาณ 1.8 ล้านล้านบาท

ด้านนายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงสถิติการค้าชายแดนและผ่านแดนของไทย 2 เดือนแรกปี 2563 (ม.ค.-ก.พ.) พบว่า มีมูลค่า 171,314 ล้านบาท ลดลง 6.46% เป็นการส่งออก 117,946 ล้านบาท ลดลง 6.10% และการนำเข้า 53,368 ล้านบาท ลดลง 7.25% เกินดุลการค้า 64,578 ล้านบาท

ในส่วนการค้าชายแดน พบว่า มาเลเซียยังคงเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่ง มูลค่า 62,807 ล้านบาท ลดลง 10.48% เป็นการส่งออก 41,131 ล้านบาท ลดลง 3.21% นำเข้า 21,676 ล้านบาท ลดลง 21.65% รองลงมาคือ สปป.ลาว มูลค่า 43,717 ล้านบาท ลดลง 14.04% กัมพูชา มูลค่า 33,904 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.66% และเมียนมา มูลค่า 30,885 ล้านบาท ลดลง 5.89% เมื่อพิจารณาเป็นรายประเทศพบว่า มูลค่าการส่งออกด้านกัมพูชายังคงขยายตัวสูงขึ้น ถึง 14.86% โดยเฉพาะเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และสินค้าปศุสัตว์อื่น ๆ

ด้าน สปป.ลาว สถานการณ์การค้ายังคงขยายตัว โดยเฉพาะการส่งออกเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และน้ำมันดีเซล ด้านเมียนมา มูลค่าการส่งออกยังคงขยายตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าน้ำมันดีเซล เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และผ้าผืนและด้าย และด้านมาเลเซีย นับเป็นประเทศที่การค้ายังคงขยายตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินค้ายางพารา ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น

ส่วนการค้าผ่านแดนไปยังสิงคโปร์ มีมูลค่าสูงสุด 14,089 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.68% เป็นการส่งออก 5,689 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.00% นำเข้า 8,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.49% รองลงมา คือ จีนตอนใต้ มูลค่า 12,256 ล้านบาท ลดลง 27.34% และเวียดนาม มูลค่า 6,898 ล้านบาท ลดลง 46.47%

“จากผลการระบาดของไวรัสโควิด-19 กรมจำเป็นต้องเลื่อนการจัดงานมหกรรมการค้าชายแดน ในวันที่ 28-31 มีนาคม 2563 ณ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ออกไปก่อน หากผ่านพ้นวิกฤตไวรัสโคโรน่าแล้ว กรมจะดำเนินการแจ้งให้ทราบโดยเร็ว ส่วนในระยะต่อไปกรมเตรียมจัดงานมหกรรมการค้าชายแดนในอีกหลายจังหวัด อาทิ เชียงราย นครพนม ตาก และยะลาหวังว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดนได้ดี หลังผ่านพ้นวิกฤตไวรัสโคโรน่านี้ไปแล้ว”