กกร. ปรับ GDP เหลือลบ 9% ส่งออกลบ 12% เชียร์ “ปรีดี” ว่าที่ รมว.คลัง

วัันที่ 5 สิงหาคม 2563 นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวในฐานะ ประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่า แม้สถานการณ์เศรษฐกิจอาจจะดูดีขึ้นเล็กน้อย แต่โดยรวมยังไม่ดี ยังไม่ฟื้นเต็มที่ การเปิดประเทศจึงยังต้องชะลอไปก่อนเพราะกังวลการระบาดรอบ 2 ของโควิด-19 เงินบาทที่ยังผันผวน ส่งออกไม่ดี กำลังซื้อชะบอตัว การจ้างงานยังไม่มาก ก่วงเศรษฐกิจไทยอย่างมากเพราะยังขาดแรงขับเคลื่อนจากภาคการท่องเที่ยว และการเยียวยาต่างๆ ที่กำลังจะหมดลง จึงปรับคาดการณ์เศรษฐกิจปี 2563 ลงอีก อยู่ในกรอบติดลบ 9% ถึงติดลบ 7% (จากเดิมคาดการณ์ติดลบ 8% ถึงติดลบ 5 %) ขณะที่ส่งออกติดลบ 12 ถึงติดลบ 10% (จากเดิมคาดการณ์ติดลบ 10% ถึงติดลบ 7 %) เงินเฟ้อคงที่คือติดลบ 1.5% ถึง 1%

ทั้งนี้ ยังได้เตรียมจัดตั้งคณะทำงาน กกร. ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย และสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เพื่อร่วมกันจัดเตรียมแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังมีคณะกรรมการปฏิรูปเศรษฐกิจโดยจะมีการผลักดันแผน 4 เรื่องเพื่อให้เกิดผลได้จริง ได้แก่

1. การส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวเชิง Wellness 2. การยกระดับการเกษตรมูลค่าสูง 3. การเพิ่มโอกาสของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กในธุรกิจเป้าหมาย 4. การยกระดับสู่การเป็นศูนย์กลางด้านการค้าและการลงทุนของภูมิภาค

ทั้งนี้ เมื่อได้ข้อสรุปแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจดังกล่าวแล้ว จะนำไปหารือและเสนอให้มีมาตรการช่วยเหลือจากทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ในเร็วๆ นี้

นอกจากนี้ กกร. ได้ตั้งคณะกรรมการภาษีเพื่อจัดทำข้อเสนอมาตรการทางภาษี (ภาษีสรรพากร) เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ซึ่งข้อเสนอดังกล่าว กกร.จะนำเสนอรัฐบาลให้ได้พิจารณาต่อไป

“เรากังวลว่าจะมีการระบาดระลอก 2 จึงต้องมีแผนคุยกันทุกเดือน อย่างการแทรนนิ่งผู้ประกอบการคือเรื่องสำคัญ หากเขาสามารถแทรนนิ่งการค้าขาย ขายออนไลน์ สอนเขาได้คือเรื่องดี ส่วนเรื่องมาตรการที่เราเสนอรัฐไปก่อนนี้ คือจ้างแรงงานเป็นรายชั่วโมงได้ เราเร่งรัฐบาลให้พิจารณา แผนฟื้นฟูของแต่และอุตสาหกรรม เช่น การเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร เป็นต้น นี่คือตัวอย่างที่เราจะเสนอให้ทีมเศรษฐกิจใหม่รับทราบ“

สำหรับสถานการณ์ครึ่งปีหลัง แม้ว่าล่าสุดตนได้คุยกับค้าปลีก ห้างสรรพสินค้าในภูมิภาคเริ่มขายดีขึ้นแล้ว บางโรงงานเริ่มขายส่งออก เครื่องมือเกษตร สามารถรีครูตคนกลับมาทำงานได้แล้ว แต่ก็ต้องดูว่าเซคเตอร์ไหนเพราะปัญหามันไม่เหมือนกัน เพราะจากนี้ตัวเลขก็ยังไม่ดี และยังน่าเป็นห่วง ทุกอย่างบอบบางทั้งหมด เรื่องของวัคซีนปีนี้น่าจะได้ตามที่นายกรัฐมนตรีบอก อย่างน้อยก็เบาใจ GDP น่าตะติดลย 7% แต่ถ้ายังไม่มีวัคซีน GDP คงติดลบ 9% ส่วนเรื่องการพิจาณาให้คนต่างชาติเข้ามาควรเป็นนักธุรกิจก่อน นักท่องเที่ยวอาจต้องรอ และโรงแรมไม่พอที่จะกักตัว

แน่นอนว่าการเปิดเมืองมากขึ้น กิจกรรมมากขึ้น แต่พฤติกรรมคนเปลี่ยนไปกิจการที่ทำแบบเดิมมันจะอยู่ไม่ได้ เช่น คนทำเกษตรมากขึ้นทำให้เครื่องจักรการเกษตรเพิ่มขึ้น ต้องปรับตัวให้ได้ ส่วนการตกงานยังไม่ได้ทบทวนแต่คาดว่าจะน้อยกว่า 7-8 ล้านคน

อย่างไรก็ตาม กกร. ยังมีความเห็นว่า คณะกรรมการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่นายกเป็นประธาน ควรให้มีเอกชนเข้าไปอยู่ด้วย เพื่อที่รัฐจะได้รู้แนวทาง คล้ายกับศูนย์ ศบค. โดยเปลี่ยนจาก สธ. เป็นภาคเอกชนแทนและต้องตั้งเร็วที่สุด ซึ่งมันไม่จำเป็นต้องไปเกี่ยวกับงบ 400,000 ล้านบาทของรัฐที่ออกมาก่อนนี้ เพราะชุดนี้มันน่าจะไปเกี่ยวกับงบประมาณกับมาตรการรัฐมากกว่า

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การตั้งคณะการเงินด้านภาษีขึ้นมาา จะมาดูเรื่องการประชุม กรอ. ด้วยและการฟื้นฟู เป้าหมายคือจะช่วยภาคเกษตร SMEs ยังไง จะมีการหารือกันตลอดและสรุปทุกเดือนที่ตฝจะเสนอให้รัฐช่วย

สำหรับมาตรการเยียวยาต่างๆ ที่ออกมาก่อนหน้านี้ เช่น เรื่องประกันสังคมเหลือ 1% ว่ารัฐจะขยายได้อีกหรือไม่ไปถึงปลายปี 2563 รวมถึงประกันสังคมช่วยเเรงงานที่จะหมดเดือนนี้ จะเปนไปได้ไหมที่จะต่อไปปลายปี เพราะโควิดมันลากมันยาวกว่าที่คิด

สำหรับความคาดหวังต่อทีมเศรษฐกิจใหม่ การที่ นายปรีดี ดาวฉาย อดีตประธานสมาคมธนาคารไทย ไปรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะส่งผลดีอย่างมาก เนื่องจากนายปรีดี เคยอยู่ใน กกร. อยู่แล้วและเคยอยู่ในภาคเอกชนมาก่อน จะยิ่งทำให้เข้าใจปัญหาที่เกิดมากขึ้น และรู้ว่าเอกชนต้องการอะไร

เรื่องที่จะให้เอกชนเป็นสถานที่กักตัวแรงงานต่างด้าว เอกชนพร้อมแต่ไม่ควรเป็นโรงแรมเพราะต้นทุนต่อคนสูงถึง 20,000 บาท/คน ดังนั้นจึงมีการเสนอให้เป็นสถานที่รูปแบบอื่น เช่น เต้นท์แล้วมีห้องน้ำรวม แบบนี้เอกชนจะได้แบกรับต้นทุนไม่สูงเกินไป

นายชาญศักดิ์ เฟื่องฟู ผู้แทนสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า สำหรับการเข้าถึงสินเชื่อซอฟโลน ที่จะช่วย SMEs ทาง ธปท. และสถาบันการเงิน กำลังร่วมกันพิจารณาเงื่อนไข เร็วๆนี้จะประกาศเงื่อนไขใหม่ ทั้งขนาดและการเข้าถึง