“วีรศักดิ์” เร่งปรับภาพลักษณ์สินค้า GI พลิกโฉมสู่ระดับพรีเมี่ยม

กรมทรัพย์สินทางปัญญา เดินหน้าพัฒนาบรรจุภัณฑ์สินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indication : GI) กว่า 10 รายการ ดึงนักออกแบบมืออาชีพร่วมพัฒนา หวังเจาะตลาดต่างประเทศ พร้อมข้ามผ่านสถานการณ์การค้ายุค New Normal

นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้จัดโครงการพัฒนาบรรจุภัณฑ์สินค้า GI โดยดึงนักออกแบบมากประสบการณ์ร่วมพัฒนาภาพลักษณ์และบรรจุภัณฑ์สินค้า GI ให้มีความโดดเด่น สร้างการจดจำตอบโจทย์ผู้บริโภคในปัจจุบัน และยังคงไว้ซึ่งอัตลักษณ์ของความเป็นสินค้า GI ให้ยังคงอยู่กับตัวบรรจุภัณฑ์ โดยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า GI พร้อมก้าวสู่ตลาดพรีเมี่ยม หวังเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงและตลาดต่างประเทศ

โครงการพัฒนาบรรจุภัณฑ์สินค้า GI เป็นโครงการที่ดำเนินการ อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ตั้งแต่ปี 2560 และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี สร้างมูลค่าเพิ่มและทำให้ผู้ประกอบการ GI ขายสินค้าได้ในราคาสูงขึ้น โดยในปีนี้ มีผู้สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการดังกล่าว ถึง 83 ราย และผ่านการคัดเลือก 10 ราย ได้แก่ กาแฟเมืองกระบี่ นิลเมืองกาญจน์ กล้วยเล็บมือนางชุมพร แปจ่อเขียวแม่สอด ผ้าหม้อฮ่อมแพร่ ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ ส้มโอหอมควนลัง สังคโลกสุโขทัย ปลาแรดลุ่มน้ำสะแกกรังอุทัยธานี และข้าวหอมมะลิอุบลราชธานี

วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการ ที่ผ่านการคัดเลือกจะมีโอกาสร่วมหารือกับนักออกแบบชื่อดังและกรมทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อพัฒนาบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรตั้งแต่แนวคิดการพัฒนาบรจจุภัณฑ์ที่สะท้อนอัตลักษณ์ความเป็นสินค้า GI ไปจนถึงการผลิตบรรจุภัณฑ์ที่พร้อมจำหน่าย ยกระดับสินค้า GI สู่ตลาดต่างประเทศต่อไป คาดพร้อมวางจำหน่ายในบรรจุภัณฑ์รูปแบบใหม่ภายในสิ้นปีนี้

ด้าน นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า สำหรับปีนี้ กรมทรัพย์สินทางปัญญาดึงนักออกแบบมืออาชีพมากความสามารถมาร่วมออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้กับสินค้า GI อาทิ คุณปัญญวัฒน์ พิทักษวรรณ นักออกแบบที่เคยร่วมงานกับแบรนด์ชั้นนำอย่างจิมทอมสัน คุณนันทชัย สันทัดการ นักออกแบบ ผู้ก่อตั้ง Design Sense Limited Partnership ผู้ซึ่งกวาดรางวัลด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศมากว่า 20 รางวัล เป็นต้น

นับเป็นอีกหนึ่งโครงการของกรมทรัพย์สินทางปัญญาที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า GI และเพิ่มขีดความสามารถของเกษตรกรและผู้ประกอบการ GI ให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมข้ามผ่านสถานการณ์การค้าในยุค New Normal ต่อไป