นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผลผลิตทางการเกษตรออกสู่ตลาดมาก เพื่อเป็นการกำกับดูแลการซื้อขายผลผลิตให้เกิดความเป็นธรรมแก่เกษตรกร และรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร กรมการค้าภายในจึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ สายตรวจออกตรวจสอบการขนย้ายสินค้าเกษตรอย่างเข้มงวด โดยออกตรวจสอบการขนย้าย มันสำปะหลังและข้าวเปลือก รวมถึงสินค้าเกษตรอื่น เพื่อป้องกันการลักลอบจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งได้ร่วมกับจุดสกัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ตรวจสอบและทดสอบน้ำหนักการบรรทุกมันสำปะหลัง และตรวจสอบผู้ประกอบการค้าข้าว โรงสี และท่าข้าว เพื่อป้องปราบไม่ให้ผู้ประกอบการเอาเปรียบเกษตรกรชาวนา ที่จังหวัดสระแก้ว บุรีรัมย์ อุบลราชธานี มหาสารคาม และร้อยเอ็ด เมื่อวันที่ 3 – 10 พฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา
จากการตรวจสอบในช่วงดังกล่าวพบท่าข้าวมณี ราชกิจ 5 อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ ท่าข้าววิทยาวัสดุ 2 อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี สหกรณ์การเกษตรเดชอุดม อำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี ท่่าข้าวดงเครือวัลย์ อำเภอจังหาร จังหวัดร้อยเอ็ด มีการกระทำผิด โดยไม่ปิดป้ายแสดงราคารับซื้อข้าวเปลือกตามประกาศ กกร.ที่ 41 พ.ศ. 2560 ลงวันที่ 24 มกราคม 2560 จึงแจ้งข้อกล่าวหาฝ่าฝืนประกาศ และจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย มีโทษจำคุก ไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และในเขตพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม พบท่าข้าวแม่ทองดี รับซื้อข้าวโดยไม่มีหนังสืออนุญาตการค้า ตาม พ.ร.บ.การค้าข้าว พุทธศักราช 2489 จึงได้จับกุมตัวและส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าตูม อำเภอเมืองจังหวัดมหาสารคาม เพื่อดำเนินการต่อไป ทั้งนี้จากการตรวจสอบราคารับซื้อ พบว่า สินค้ามันสำปะหลัง หัวมันสด กิโลกรัมละ 1.80 บาท และรับซื้อมันเส้น กิโลกรัมละ 5 บาท ความชื้นไม่เกิน 18% และราคารับซื้อข้าวเปลือกหอมมะลิ ความชื้น 15 % ตันละ 11,700 บาท และความชื้น 25% ราคาตันละ 9,500 บาท ซึ่งเป็นราคาที่เกษตรกรพึงพอใจ
อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดในการตรวจสอบและออกตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เกษตรกรโดยเอารัดเอาเปรียบ ทั้งนี้ หากเกษตรกรรายใดไม่ได้รับความเป็นธรรมในการขายสินค้าเกษตร รวมทั้งพบเห็นหรือทราบเบาะแสการกระทำความผิดในการขนย้ายสินค้าเกษตรโดยไม่ได้รับอนุญาต สามารถแจ้งข้อมูลมาได้ที่ สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ
