เปิดแผน CKP 3 ปี ลุยพลังงานหมุนเวียน 4,800 MW

จากการที่ทั่วโลกหันไปผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น นั่นเป็นโอกาสของ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKPower หรือชื่อย่อหลักทรัพย์ CKP หนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค ที่ได้ประกาศแผนขยายขนาดธุรกิจให้ใหญ่ขึ้นมากกว่าเท่าตัว ภายใน 3 ปีข้างหน้า ด้วยการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าขึ้นอีก 2,800 เมกะวัตต์รวมเป็น 4,800 เมกะวัตต์เช่นกัน

“นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) เล่าว่า ตอนนี้มีโอกาสใหม่ ๆ เกิดขึ้นอย่างมหาศาลจากการดิสรัปชั่นทั่วโลกที่มุ่งเป้าสู่การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ล่าสุดผลการประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 หรือ COP26 ณ เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร เมื่อเร็ว ๆ นี้

ที่มีมติเห็นชอบในข้อตกลง Glasgow Climate Pact ซึ่งประเทศต่าง ๆ ตัดสินใจร่วมมือกัน เพื่อสนับสนุนเป้าหมายในการควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส และกำหนดให้ปี พ.ศ. 2563 เป็นปีเริ่มต้นของการเดินหน้าภารกิจสำคัญในการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน ถือว่าเป็นเป้าหมายที่มีความสำคัญอย่างมาก และส่งผลในเชิงบวกต่อกลยุทธ์ธุรกิจระยะยาวของซีเค พาวเวอร์ ที่เราได้วางไว้

ทำให้มีการคาดการณ์ว่าความต้องการพลังงานในภูมิภาคอาเซียนจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว ภายในอีก 20 ปีข้างหน้า คาดว่าสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนจะอยู่ที่ประมาณ 20% ของการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด

ธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์

“จุดยืนของเรา ซีเค พาวเวอร์ในฐานะหนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค ไม่เพียงจะได้รับประโยชน์จากเทรนด์การผลิตไฟฟ้าแห่งอนาคตอย่างเต็มที่แต่เทรนด์นี้ ยังได้เปิดโอกาสให้เราได้ร่วมสนับสนุนนโยบายการลดคาร์บอนเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาโลกร้อนของประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม”

โดยปัจจัยที่จะมาส่งเสริมให้ความต้องการไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้น เป็นผลจากการที่รัฐบาลและบริษัทขนาดใหญ่ทั่วโลกต่างเห็นพ้องกันถึงความจำเป็นเร่งด่วน ที่จะเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานหมุนเวียน ในฐานะเป็นเครื่องมือเชิงนโยบายที่จะนำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของแต่ละประเทศ นอกเหนือไปจากการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

สำหรับประเทศไทยตั้งเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนการนำเข้าไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานน้ำจาก 9% เป็น 18% ภายในเวลาไม่เกิน 10 ปีนับจากนี้ ในขณะที่ภายในปี พ.ศ. 2573 ประเทศไทยตั้งเป้าให้ 30% ของรถยนต์ใหม่เป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า และภาคการขนส่งจะกลายเป็นผู้ใช้พลังงานรายใหญ่ที่สุดในอาเซียน นำหน้าภาคอุตสาหกรรม

แผนเพิ่มกำลังการผลิต

ซีเค พาวเวอร์ มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้ง จาก 2,000 ให้เป็น 4,800 เมกะวัตต์ ภายในปี 2567 โดยจะมีการพัฒนาโครงการใหม่ 6 โครงการ ทั้งในและต่างประเทศ กำลังการผลิตติดตั้งใหม่ทั้งหมดของเราจะมาจากพลังงานหมุนเวียน ได้แก่ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำ และพลังงานลม ตามแผนการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของเรา เราตั้งเป้าที่จะเข้าไปขับเคลื่อนธุรกิจใหม่ในต่างประเทศผ่าน 3 การลงทุนใหม่ที่ใช้พลังงานหมุนเวียนทั้งหมด

ชูการเงินแกร่ง

สำหรับภาพรวมรายได้ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2564 อยู่ที่ 2,509 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 17.7% และมีรายได้รวมงวด 9 เดือน (วันที่ 30 กันยายน 2564) อยู่ที่ 6,905 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิงวด 9 เดือนปี 2564 เพิ่มขึ้นเป็น 2,056 ล้านบาท จากกำไรสุทธิในช่วง 9 เดือนปี 2563 ซึ่งอยู่ที่ 397 ล้านบาท

บริษัทมีฐานะทางการเงินที่มั่นคงสำหรับการดำเนินธุรกิจในอนาคต โดยมีอัตราส่วนหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ต่ำเพียง 0.67 เท่า และมีงบดุลที่แข็งแกร่ง พร้อมกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอจากสัญญาจำหน่ายกระแสไฟฟ้าระยะยาวที่ทำกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)

เป้าหมายการลงทุน

จากแผนการลงทุนจะทำให้ภายในเวลา 5 ปีข้างหน้า ซีเค พาวเวอร์ จะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ขึ้นอีกกว่าสิบเท่าตัว หรือที่ 330 เมกะวัตต์ นอกจากนั้น ภายในระยะเวลาเดียวกัน ก็จะเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมขึ้นอีกสองเท่า กลายเป็น 700 เมกะวัตต์ ซึ่งในที่สุดจะส่งผลให้ 95% ของไฟฟ้าที่บริษัทผลิตทั้งหมด มาจากการใช้พลังงานหมุนเวียน จากประสบการณ์ที่ยาวนานของเราในการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียน จะส่งผลให้เราได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากเทรนด์การผลิตไฟฟ้าแห่งอนาคต

ขณะเดียวกันการที่เราเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าที่มีระดับคาร์บอนฟุตพรินต์ต่ำที่สุดรายหนึ่ง จะทำให้เรามีส่วนช่วยสนับสนุนเรื่องการลดคาร์บอนของประเทศไทย เพื่อช่วยแก้ปัญหาโลกร้อนด้วยเช่นกัน