OR ลงทุน 9.35 หมื่นล้าน 5 ปี ปั๊มยอด ‘น็อนออยล์’

บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด

เป็นที่น่าจับตามองอย่างต่อเนื่องสำหรับน้องใหม่ในครอบครัว ปตท. อย่าง บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ซึ่งเพิ่งแถลงผลประกอบการปี 2564 ว่า มีรายได้มากกว่า 5.11 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.4% และยังมีกำไรสุทธิถึง 11,474 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.5%

ภาพความสำเร็จปี’64

จากภาพความสำเร็จในปี 2564 ที่ผ่านมา โออาร์ได้เปิดดำเนินการศูนย์กระจายสินค้าสำหรับธุรกิจค้าปลีกโรงงานผลิตผงผสมเครื่องดื่ม และโรงงานผลิตเบเกอรี่ Cafe Amazon ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และลงทุนเพื่อต่อยอดและสร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Mobility & Lifestyle EV Station PluZ ทั้งในและนอก PTT Station การเข้าลงทุนในบริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด บริษัท อิ่มทรัพย์ โกลบอล คูซีน จำกัด และบริษัท คามุ คามุ จำกัด

อีกทั้งยังมีการร่วมกับบริษัท บลูบิก กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จัดตั้ง “Orbit Digital” เพื่อยกระดับขีดความสามารถขององค์กร สร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ร่วมกับ 500 Tuktuks ในการจัดตั้งกองทุน ORZON Ventures เพื่อส่งเสริม startup

OR

กางแผน 5 ปี

ล่าสุด “โออาร์” ได้วางงบฯลงทุน 5 ปี (2565-2569) วงเงิน 93,500 ล้านบาท (กราฟิก) เพื่อสร้างการเติบโตในธุรกิจต่าง ๆ ประกอบด้วย ธุรกิจเกี่ยวกับน้ำมัน 36.3% ธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (น็อน ออยล์) ธุรกิจด้านไลฟ์สไตล์ 21.8% การลงทุนด้านนวัตกรรม 20.4% ธุรกิจต่างประเทศ 14.2% และระบบโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภคและอื่น ๆ อีก 7.3%

นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ โออาร์ กล่าวว่า แม้จะมองว่าธุรกิจน้ำมันจะยังเติบโตขึ้น แต่บริษัทตั้งเป้าปรับสัดส่วนการเติบโตของ EBITDA ในช่วง 5 ปี ในกลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์และนวัตกรรม จาก 20.6% เป็น 39% ตามเทรนด์ของโลกซึ่งน่าจะเป็นโอกาสในการสร้างการเติบโตให้ธุรกิจ ขณะที่ธุรกิจจากต่างประเทศก็จะเพิ่มขึ้นจาก 3.6% เป็น 15% ส่วนกลุ่มธุรกิจน้ำมันจะเหลือ 45% จากปัจจุบัน 75.6%

“ในระยะ 3 ปี ตั้งแต่ 2565-2567 เราได้ใส่เม็ดเงินลงทุนไป 66,000 ล้านบาท โดยจะเน้นในการลงทุนในส่วนของการเข้าซื้อกิจการ และจัดตั้งบริษัทย่อยเพิ่มขึ้น รวมถึงการร่วมมือกับ startup และ SMEs ซึ่งจะทำให้ภาพรวมของธุรกิจน็อนออยล์เติบโตเพิ่มขึ้น”

ส่องเทรนด์ธุรกิจปี’65

ส่วนแผนในปี 2565 โออาร์เตรียมงบลงทุนเกือบ 27,000 ล้านบาท ตั้งเป้าจะขยายสาขา PTT Station เพิ่มขึ้น 103 สาขา รวมถึงเดินหน้าพัฒนาสาขาที่ไม่เป็นไปตามเป้าของปีที่แล้วอีก 26 สาขา ทำให้มีสาขารวม 129 สาขา

และตั้งเป้าตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ในพื้นที่สถานีบริการน้ำมัน (ปั๊ม) เพิ่มอีก 200 แห่ง ซึ่งต้องรอใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) อนุมัติควบคู่ไปด้วย ซึ่งจะทำให้ปีนี้มีจำนวนสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ารวม 300 แห่ง และสถานีชาร์จนอกปั๊มอีก 150 แห่ง ซึ่งจะเป็นพื้นที่ OR SPACE ให้บริการชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าโดยไร้บริการหัวจ่ายน้ำมัน และเป็นแหล่งรวมร้านค้าแบรนด์พันธมิตร

ขณะเดียวกัน เตรียมขยายร้านกาแฟคาเฟ่ อเมซอนในปีนี้ 389 สาขาทั้งในและต่างประเทศ และธุรกิจต่างประเทศตั้งเป้าขยายสถานีบริการน้ำมัน 73 แห่งในกัมพูชา ลาว เมียนมา และฟิลิปปินส์

“ผลประกอบการในปี 2565 ขึ้นอยู่กับการเติบโตของเศรษฐกิจ คาดว่าจะเติบโต 3.5-4.5% ซึ่งจะเป็นตัวกระตุ้นทั้งธุรกิจน้ำมันและไลฟ์สไตล์ แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อที่จะอยู่ที่ 1.7% มองว่าเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย และไม่กระทบต่อธุรกิจโออาร์ ยังคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องแม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากมาตรการลดภาษีสรรพสามิตดีเซล 3 บาทต่อลิตร แต่ค่าการตลาดเพิ่มขึ้น และธุรกิจที่มีความจำเป็นต่อการใช้ชีวิตในปัจจุบัน อีกทั้งคาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามา 5.6 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่เข้ามาเพียง 300,000 คนจะช่วยอีกด้านหนึ่ง”

ส่วนราคาน้ำมันดิบตลาดโลกในปี 2565 คาดว่าจะสูงกว่าปี 2564 แน่นอน เนื่องจากความต้องการของน้ำมันจะมีมากขึ้น แต่ภาคการผลิตยังเท่าเดิม มองว่าราคาน้ำมันจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 69 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ประมาณ 78 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งในระยะสั้นสถานการณ์การก่อสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน อาจจะเป็นแรงกดดันให้ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น