วงการประมงขู่จอดเรือทิ้ง เหตุน้ำมันแพง “มงคล” วอน “เฉลิมชัย” อุ้มชาวประมง

สมาคมผู้ค้าน้ำมันประมง

สมาคมผู้ค้าน้ำมันประมงในเขตต่อเนื่อง ส่งหนังสือถึงสมาคมประมงแห่งประเทศไทย แจงข้อเท็จจริงโครงการจำหน่ายน้ำมันเขียว เกิดขึ้นจากผลกระทบจากราคาน้ำมันแพง นายกสมาคม “มงคล” วอน “เฉลิมชัย” รัฐมนตรีเกษตรฯเร่งแก้ไขทุกปมปัญหา น้ำมันแพง การซื้อเรือประมงคืน ผลักดันกฎหมายแรงงานตามมาตรา 83 หวั่นจอดเรือทิ้งไม่มีรายได้

วันที่ 12 พฤษภาคม 2565 นายมงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สมาคมได้รับหนังสือแจ้งจากสมาคมผู้ค้าน้ำมันประมงในเขตต่อเนื่อง ถึงสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย ใจความว่า เนื่องด้วยข้อเท็จจริงโครงการจำหน่ายน้ำมันเขียวในเขตต่อเนื่องนั้น เกิดขึ้นมาจากแรงผลักดันของชาวประมงซึ่งได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันแพง กลุ่มเรือประมงที่ได้รับความเดือดร้อนได้ยื่นเรื่องผ่านทางสมาคมประมงแห่งประเทศไทยให้เสนอแนวทางไปยังรัฐบาลขณะนั้น และคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ

โดยร่วมกันหาวิธีการแก้ปัญหาดังกล่าว จนเป็นเหตุให้เกิดโครงกรน้ำมันในเขตต่อเนื่องตามที่ทุกฝ่ายก็ทราบกันดีอยู่แล้วนั้น และชาวประมงก็ได้ใช้น้ำมันราคาปลอดภาษีที่เหลือจากกำลังการผลิตจากโรงกลั่นในประเทศ ที่ปกติต้องนำออกไปขายให้ต่างประเทศอยู่แล้ว โดยรัฐไม่ต้องเสียงบประมาณมาช่วยชาวประมงอีกเลยตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2547 เป็นต้นมา ธุรกิจประมงของประเทศก็เจริญรุ่งเรืองมาตลอด

แต่เมื่อมีการเปลี่ยนเป็น คสช. ก็มีการเปลี่ยนวิถีชีวิตของเจ้าของเรือประมงจากคนที่เคยส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมอาหารในประเทศกลายเป็นผู้ร้าย ทั้งที่ความจริงเขาไม่ได้ผิดอะไรเลย แต่รัฐบาลกลับตั้งทีมงานมาไล่ล่าหาความผิดให้จนชาวประมงเจ๊งเกือบทั้งประเทศ ส่วนเรื่องน้ำมันเขียวซึ่งเป็นโครงการที่ชาวประมงและหลายรัฐบาลที่ผ่านมาภูมิใจและพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เคยอนุญาตให้เป็นโครงการถาวรนั้น

ขณะนี้รัฐบาล คสช. ก็ตั้งทีมงานมาไล่ล่าและพยายามค้นหาความผิดเอากับผู้ประกอบการ โดยพยายามตั้งข้อหาที่เกิดจากความผิดพลาดเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ มาดำเนินคดี และตั้งข้อหาที่ร้ายแรงมีโทษปรับที่สูงมาก ทั้งที่ความจริงโครงการนี้ก็เป็นโครงการของรัฐบาลเอง รัฐบาลน่าจะสนับสนุนคุ้มครองด้วยซ้ำ แต่ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้

ดังนั้นจากเหตุการณ์ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น และราคาน้ำมันที่เป็นอยู่ขณะนี้ก็คงเห็นอยู่แล้วว่าเรือประมงจะต้องหาวิธีเอาน้ำมันจากช่องทางอื่นมาใช้เพื่อความอยู่รอดไปก่อน ดังนั้นสมาคมจึงได้หารือปัญหานี้และมีความเห็นร่วมกันว่าเรือบรรทุกและเรือสถานีบริการน้ำมันเขียว ก็คงเดินมาสุดทางแล้ว เนื่องจากรัฐบาล ได้จัดตั้งทีมไล่ล่าขึ้นมาหลายหน่วยงาน และแต่ละหน่วยงานต่างฝ่ายต่างบังคับใช้กฎหมายไปคนละทิศทาง เป็นการใช้กฎหมายซ้ำซ้อนย้อนแย้งกันเอง ทำให้ผู้ปฏิบัติตามสับสน และเสี่ยงต่อการทำผิด ที่มีอัตราโทษที่รุนแรง

บวกกับอีกเหตุผลหนึ่งก็คือการที่ทางรัฐบาลเข้ามาอุดหนุนราคาน้ำมันบนฝั่ง แต่ไม่ได้ช่วยอุดหนุนน้ำมันเขียวในทะเลด้วย จึงทำให้น้ำมันเขียวแพงกว่าน้ำมันฝั่งที่รัฐอุดหนุน และจ๊อบเบอร์เอามาขายถูกว่าน้ำมันเขียวลิตรละ 1-3 บาท เป็นเหตุให้เรือประมงไม่ไปเติมน้ำมันเขียว ก็เป็นเหตุให้โครงการน้ำมันเขียวเดินต่อไปไม่ได้ เพราะรัฐบาลสนใจแต่เรื่องรถบรรทุก แต่ไม่เคยเหลียวแลชาวประมงเลย

ดังนั้น สมาคมผู้ค้าน้ำมันในเขตต่อเนื่องจึงเรียนแจ้ง มายังสมาคมเพื่อให้แจ้งไปยังชาวประมงว่า เรือแม่ที่เข้าไปโหลดน้ำมันจะหยุดไม่โหลด ตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป แต่ในเรือสถานีบริการในทะเลจะยังเหลือที่จะบริการให้ชาวประมง ได้ถึงสิ้นอาทิตย์ ซึ่งตรงกับวันที่ 15 พฤษภาคม นี้เท่านั้นแล้วก็หมดกัน ดังนั้นจึงขอให้ช่วยชี้แจ้งชาวประมงด้วย ว่าพวกเราไม่ได้ทิ้งชาวประมง และยังห่วงชาวประมง เพราะเราก็เป็นชาวประมงที่ต้องรับผลกระทบจากรัฐบาลเช่นเดียวกัน แต่เพราะมันสุดทางแล้วจริง ๆ จะไปซ้ายก็ผิดกฎหมาย จะไปขวาก็ผิดกฎหมาย

นายมงคล กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้การต้อนรับ นายมงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย คณะกรรมการ ที่ปรึกษาชุดใหม่ที่เดินทางเข้าพบเพื่อแนะนำคณะกรรมการบริหารสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยชุดใหม่และเพื่อนำเสนอปัญหาต่าง ๆ ของพี่น้องชาวประมง โดยเฉพาะปัญหาราคาน้ำมันแพงในปัจจุบัน การซื้อเรือประมงคืน ผลักดันกฎหมายแรงงานตามมาตรา 83 ปัญหาเรือประมงพื้นบ้านที่ลงน้ำมันเขียวไม่ได้ ปัญหาการบังคับให้แพปลาเอกชนต้องติดกล้องวงจรปิด เป็นต้น

ทั้งนี้ นายเฉลิมชัยรับทราบ และจะหาแนวทางแก้ไขปัญหาในเรื่องราคาน้ำมันแพง การซื้อเรือประมงคืน ปัญหาแรงงานมาตรา 83 ปัญหาประมงพื้นบ้าน ปัญหาการติดตั้งกล้องวงจรปิดแพปลาเอกชนโดยเร่งด่วนต่อไป