กระทรวงอุมศึกษาฯ ประชุม ม.เอกชน 54 แห่ง ชี้แจงการแบ่งกลุ่มมหาวิทยาลัย เพื่อพัฒนาความเป็นเลิศ และผลิตกำลังคนระดับสูงให้ประเทศ เผยปีงบประมาณ 2566 เพิ่มอีก 22 สถาบันเข้าสู่ 5 กลุ่มมหาวิทยาลัยแล้ว
วันที่ 9 พฤษภาคม 2566 ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล รองปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และอนุกรรมการด้านการพลิกโฉมมหาวิทยาลัย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมาได้มีการประชุมชี้แจงการจัดกลุ่มสถาบันอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาความเป็นเลิศ และผลิตกำลังคนระดับสูงเฉพาะทางตามความต้องการของประเทศ สำหรับสถาบันอุดมศึกษาเอกชน
- กรมอุตุฯเตือน 6-11 พ.ค.นี้ ฝนตกหนักหลายพื้นที่ รวม กทม.และปริมณฑล
- กรมอุตุฯเตือน 6-12 พ.ค.นี้ ลมเปลี่ยนทิศ-แปรปรวน ฝนตกหนัก ท่วมฉับพลัน
- ธ.ก.ส. เผย สินเชื่อดอกเบี้ยล้านละร้อย เหลือวงเงินกู้อีก 1.5 หมื่นล้าน
ซึ่งสำนักงานปลัดกระทรวง อว. ร่วมกับ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) จัดขึ้นโดยมี ศ.พีระพงศ์ ทีฆสกุล ประธานอนุกรรมการด้านการพลิกโฉมมหาวิทยาลัย รศ.รัฐชาติ มงคลนาวิน อนุกรรมการด้านการพลิกโฉมมหาวิทยาลัย นายพันธุ์เพิ่มศักดิ์ อารุณี ผอ.กองขับเคลื่อนและพัฒนาการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กขค.) สำนักงานปลัดกระทรวง อว. และผู้บริหารสถาบันอุดมศึกษาเอกชน จำนวน 54 แห่ง
ศ.ดร.ศุภชัยกล่าวว่า นับตั้งแต่กระทรวง อว.ได้เริ่มต้นแบ่งกลุ่มสถาบันอุดมศึกษาออกเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มพัฒนาการวิจัยระดับแนวหน้าของโลก 2.กลุ่มพัฒนาเทคโนโลยีและส่งเสริมการสร้างนวัตกรรม 3.กลุ่มพัฒนาชุมชนท้องถิ่นหรือชุมชนอื่น
4.กลุ่มพัฒนาปัญญาและคุณธรรมด้วยหลักศาสนา และ 5.กลุ่มผลิตและพัฒนาบุคคลากรวิชาชีพและสาขาจำเพาะ ตามกฎกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ที่มีผลบังคับใช้เมื่อ 25 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา
ถือเป็นก้าวแรกในการเดินหน้า “การพลิกโฉมมหาวิทยาลัย” (Reinventing University) อย่างเป็นรูปธรรม โดยมีเป้าหมายในการพุ่งเป้าไปที่การพัฒนากำลังคนขั้นสูงให้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ และการส่งเสริมให้สถาบันอุดมศึกษาสร้างความเป็นเลิศ ตามการแบ่งกลุ่มที่ชัดเจน
โดยในส่วนของสถาบันอุดมศึกษาเอกชนปัจจุบันมีจำนวน 19 แห่ง ที่ได้รับประกาศให้สังกัดกลุ่ม การประชุมชี้แจงจึงเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดกลุ่มสถาบันอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาความเป็นเลิศ และผลิตกำลังคนระดับสูงเฉพาะทางตามความต้องการของประเทศ พร้อมหารือร่วมกันในประเด็นสำคัญต่างๆ
อาทิ กองทุนเพื่อพัฒนาการอุดมศึกษา แนวทางการเขียนโครงการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การสนับสนุนงบประมาณการประเมินคุณภาพจากองค์กรรับรองระดับสากล และฐานข้อมูลสถาบันอุดมศึกษากับการประกันคุณภาพการศึกษา เป็นต้น
ด้านนายพันธุ์เพิ่มศักดิ์ อารุณี ผู้อำนวยการกองขับเคลื่อนและพัฒนาการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กขค.) สำนักงานปลัดกระทรวง อว.กล่าวเสริมว่า สถาบันอุดมศึกษาเอกชนที่ได้รับการประกาศให้สังกัดกลุ่ม จำนวน 19 แห่ง มีดังนี้
กลุ่มที่ 1 กลุ่มพัฒนาการวิจัยระดับแนวหน้าของโลก จำนวน 1 แห่ง กลุ่มที่ 2 กลุ่มพัฒนาเทคโนโลยีและส่งเสริมการสร้างนวัตกรรม จำนวน 1 แห่ง กลุ่มที่ 3 กลุ่มพัฒนาชุมชนท้องถิ่นหรือชุมชนอื่น จำนวน 8 แห่ง กลุ่มที่ 4 กลุ่มพัฒนาปัญญาและคุณธรรมด้วยหลักศาสนา (ไม่มี) และกลุ่มที่ 5 กลุ่มผลิตและพัฒนาบุคลากรวิชาชีพและสาขาจำเพาะ จำนวน 9 แห่ง
การประชุมครั้งนี้ นอกจากจะช่วยให้สถาบันอุดมศึกษาเอกชนเกิดความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายการจัดกลุ่มสถาบันอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาความเป็นเลิศและผลิตกำลังคนระดับสูงฯ แล้ว ยังเป็นการปรับแนวทางมุมมองให้ไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูประบบอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสถาบันอุดมศึกษาทั้งสังกัดรัฐ-เอกชน ที่เข้าร่วมกลุ่มในปี 2566 เพิ่มเติม ได้แก่ กลุ่มพัฒนาการวิจัยระดับแนวหน้าของโลก เดิมมี 16 แห่ง เพิ่มอีก 1 แห่งคือ สถาบันวิทยสิริเมธี กลุ่มที่ 2 กลุ่มพัฒนาเทคโนโลยีและส่งเสริมการสร้างนวัตกรรม เดิมมี 18 แห่ง เพิ่ม 1 แห่งคือ มหาวิทยาลัยสยาม
กลุ่มที่ 3 กลุ่มพัฒนาชุมชนท้องถิ่นหรือชุมชนอื่นเดิมมี 41 แห่ง เพิ่ม 7 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีสเทิร์น,มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,มหาวิทยาลัยหาดใหญ่, วิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย, วิทยาลัยพิชญบัณฑิต, วิทยาลัยสันตพล, สถาบันการเรียนรู้เพื่อปวงชน
กลุ่มที่ 4 กลุ่มพัฒนาปัญญาและคุณธรรมด้วยหลักศาสนา เดิมไม่มีการคัดเลือก ปัจจุบันเพิ่ม 2 แห่ง คือ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยมกุฏราชวิทยาลัย และกลุ่มที่ 5 กลุ่มผลิตและพัฒนาบุคลากรวิชาชีพและสาขาจำเพาะ เดิมมี 7 แห่ง เพิ่มอีก 11 แห่ง
ได้แก่ สถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา, มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต, มหาวิทยาลัยราชพฤกษ์, มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์, มหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์น, มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ, วิทยาลัยนานาชาติเซนต์เทเรซา, สถาบันกันตนา, มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช, สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ และวิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอก เป็นต้น
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม รายชื่อการแบ่งกลุ่มมหาวิทยาลัย