ต่างชาติถือครองหุ้นไทย 5.11 ล้านล้านบาท สูงสุดในรอบ 4 ปี 

กระดานหุ้น

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เผยสิ้นเดือนกรกฎาคม 2565 นักลงทุนต่างชาติถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทย 5.11 ล้านล้านบาท สูงสุดในรอบ 4 ปี เพิ่มขึ้น 0.29% จากปีก่อน โดยนักลงทุนจากสหราชอาณาจักร สิงคโปร์ และสวิสเซอร์แลนด์ มีมูลค่าถือครองหุ้นสูงสุด 3 สัญชาติแรก

วันที่ 28 กันยายน 2565 สุมิตรา ตั้งสมวรพงษ์ ฝ่ายวิจัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2565 นักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทยรวมกว่า 5.11 ล้านล้านบาท สูงสุดในรอบ 4 ปี เพิ่มขึ้น 0.29% จากปีก่อน

ที่สำคัญจากการซื้อสุทธิกว่า 153,151 ล้านบาท ในช่วงเดือนกันยายน 2564-เดือนกรกฎาคม 2565 และการถือครองหุ้นของบริษัทที่เข้าจดทะเบียนซื้อขายใหม่ (new listing companies) โดยมีมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ คิดเป็น 26.84% ของมูลค่าหลักทรัพย์รวมทั้งตลาด หรือสูงเป็นอันดับ 2 ในรอบ 10 ปี

โดยมูลค่าถือครองหุ้นฯ เพิ่มขึ้น 0.29% จากสิ้นเดือนสิงหาคม 2564 สวนทางกับดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) ที่ลดลง 3.80%

ทั้งนี้ ปัจจัยที่มีผลให้มูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศปรับเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งมาจาก 1) การซื้อสุทธิ (foreign net buying position) กว่า 153,151 ล้านบาท ของนักลงทุนต่างประเทศ ในช่วงเดือนกันยายน 2564-กรกฎาคม 2565

และ 2) การถือครองหุ้นของบริษัทที่เข้าจดทะเบียนซื้อขายใหม่ (new listing companies) ในช่วงเดือนกันยายน 2564-กรกฎาคม 2565 ซึ่ง ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2565 นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นของบริษัทที่เข้าจดทะเบียนซื้อขายใหม่ 24 บริษัท มีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 2,709 ล้านบาท

โดยอุตสาหกรรมที่นักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี ยังคงเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นด้วยมูลค่าสูงสุดที่ระดับ 1,155,658 ล้านบาท ต่อเนื่องจากปีก่อนที่มีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 1,310,105 ล้านบาท ลดลง 11.79% จากปีก่อน ส่วนหนึ่งจากราคาหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มเทคโนโลยีปรับลดลง 

อันดับ 2 คือ กลุ่มธุรกิจการเงิน มีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 1,006,750 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.26% จากปีก่อน และพบว่า กลุ่มอุตสาหกรรมนี้ได้รับความสนใจมากขึ้นจากนักลงทุนต่างประเทศ สังเกตได้จากการเติบโตของมูลค่าการถือครองหุ้น สวนทางกับการเปลี่ยนแปลงดัชนีกลุ่มอุตสาหกรรมปรับลดลง 3.38% และอันดับ 3 คือ กลุ่มทรัพยากร มีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 953,421 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.61 จากปีก่อน ขณะที่ดัชนีกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับลดลง 0.28%

ขณะที่กลุ่มบริการ อยู่ที่อันดับ 4 มีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 891,844 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.06% จากปีก่อน สวนทางกับดัชนีกลุ่มอุตสาหกรรมนี้ปรับลดลงเล็กน้อยจากปีก่อน 

นักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุดในหมวดพลังงานและสาธารณูปโภค รองลงมา คือ หมวดธนาคาร และหมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ 

ส่วนหมวดธุรกิจที่นักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค (ENERG) 953,319 ล้านบาท รองลงมา คือ หมวดธนาคาร (BANK) 783,470 ล้านบาท และหมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (ETRON) 617,210 ล้านบาท โดย 3 หมวดธุรกิจนี้มีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 2.35 ล้านล้านบาท หรือ 46.1% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศ

โดยกว่า 72.3% ของมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศเป็นการถือครองหุ้นที่อยู่ในองค์ประกอบของ MSCI Thailand Index เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ที่ระดับ 68.0%

ซึ่งนักลงทุนต่างประเทศที่มีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด 10 สัญชาติแรกมูลค่าถือครองหุ้นรวม 4.84 ล้านล้านบาท คิดเป็น 94.8% ของมูลค่าการถือครองหุ้นทั้งหมดของนักลงทุนต่างประเทศ พบว่า 8 ใน 10 สัญชาติ เป็นสัญชาติเดียวกันกับปีก่อน แต่มีสลับอันดับ

โดยนักลงทุนจากสหราชอาณาจักรมีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด ตามมาด้วยนักลงทุนจากสิงคโปร์ และสวิตเซอร์แลนด์ที่ขยับขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 3 ขณะที่ฮ่องกงลดลงไปอยู่อันดับ 4 และสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น มอริเชียส เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และบริติช เวอร์จิน ไอส์แลนด์ ตามลำดับ