KTAM แนะลงทุนเวียดนาม หลังรัฐบาลเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ

KTAM

บลจ.กรุงไทย (KTAM) แนะลงทุนกองทุนเปิดเคแทมเวียดนาม อิควิตี้ (KT-VIETNAM) หลังสถานการณ์การลงทุนในประเทศเวียดนามเริ่มคลี่คลาย การผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้-ปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ลดลง รวมถึงรัฐบาลเดินหน้าออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ

วันที่ 22 มิถุนายน 2566 นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากรัฐบาลเวียดนามได้เดินหน้าออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งนโยบายการเงินผ่านการปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย

โดยล่าสุดปรับลดลง 0.50% เป็นครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2566 ที่ผ่านมา (ที่มา : The Business Times ณ วันที่ 16 มิ.ย. 2566) ซึ่งจะเป็นการช่วยสนับสนุนให้ธนาคารพาณิชย์ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อช่วยเหลือธุรกิจ ทั้งนโยบายการคลังผ่านการเร่งใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐ

ชวินดา หาญรัตนกูล
ชวินดา หาญรัตนกูล

รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่จะทยอยประกาศออกมาในการประชุมสมัชชาแห่งชาติในช่วงตลอดเดือน มิ.ย.นี้ ประกอบกับการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ และปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ลดลง จะเป็นปัจจัยที่ช่วยให้เศรษฐกิจในประเทศเวียดนามขับเคลื่อนได้อย่างต่อเนื่อง

นางชวินดากล่าวต่อว่า ทาง KTAM มองว่าเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังของเวียดนามมีแนวโน้มจะเติบโตได้ดีกว่าในช่วงครึ่งปีแรก จากผลของนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ที่จะสะท้อนผลให้เห็นผ่านทางตัวเลขเศรษฐกิจที่คาดว่าจะค่อย ๆ ดีขึ้นตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไป นอกจากนี้ ทิศทางนโยบายและมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจของภาครัฐยังส่งผลบวกต่ออารมณ์ของตลาด (Market Sentiment) ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ปรับตัวลงช่วยให้เงินบางส่วนไหลกลับเข้าสู่ตลาดหุ้น

ซึ่งเห็นได้จากข้อมูลในเดือน พ.ค. 2566 ที่มูลค่าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เวียดนามเพิ่มขึ้น และยอดการเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ ที่สูงสุดในรอบ 9 เดือน ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ช่วยผลักดันตลาดหุ้นเวียดนามให้เติบโตได้ อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงในสหรัฐและยุโรป ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจของเวียดนามได้เช่นเดียวกัน

สำหรับกองทุน KT-VIETNAM มีนโยบายการลงทุนแบบเชิงรุก เพื่อสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าตลาด เน้นลงทุนในหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศเวียดนาม ผ่านการลงทุนในตราสารทุน หน่วย CIS กองทุน ETF ซึ่งจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ประเทศเวียดนามและต่างประเทศ เฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนมีกระบวนการลงทุนแบบผสานรูปแบบการลงทุนทั้ง Top-down และ Bottom-up Approach ด้วยการคัดเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีความมั่นคง ทั้งยังมีการประเมินมูลค่าหุ้นตามปัจจัยพื้นฐาน โดยใช้วิธีการประเมินในรูปแบบต่าง ๆ

โดยปัจจุบันพอร์ตการลงทุนของกองทุน KT-VIETNAM เน้นการลงทุนในกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ และหุ้นในดัชนี VN30 เป็นหลัก ภายใต้ธีมที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามในระยะยาว ได้แก่ ธีม Domestic Consumption (กลุ่ม Consumer Goods และ Retail), ธีม Urbanization (กลุ่ม Property และ Utilities), ธีม Industrialization (กลุ่ม Export, Logistic และ Infrastructure) และธีม Banking (กลุ่ม Bank)

โดยกองทุน KT-VIETNAM มีสัดส่วนการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรม 5 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่มธนาคาร 27.21% กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ 17.46% กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม 10.17% กลุ่มวัสดุก่อสร้าง 6.64% และกลุ่มพาณิชย์ 5.42% (ที่มา : KTAM ข้อมูล ณ วันที่ 31 พ.ค. 2566)

นอกจากนี้ บริษัทได้เปิดให้นักลงทุนได้เลือกลงทุนใน KT-VIETNAM ด้วยกันถึง 3 ชนิด ได้แก่ KT-VIETNAM-A (ชนิดสะสมมูลค่า) และสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี ได้แก่ กองทุนเปิดเคแทม เวียดนาม อิควิตี้ (ชนิดเพื่อการออม) (KT-VIETNAM-SSF) และกองทุนเปิดเคแทม เวียดนาม อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ (KT-VIETNAM RMF) ทั้งสามกองทุนมีระดับความเสี่ยงกองทุน 6

ปัจจัยความเสี่ยงของกองทุน KT-VIETNAM ที่สำคัญ : ความเสี่ยงทางตลาด ความเสี่ยงจากการดำเนินงานของผู้ออกตราสาร ความเสี่ยงจากการขาดสภาพคล่องของหลักทรัพย์ ความเสี่ยงจากความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ออกตราสาร ความเสี่ยงจากการลงทุนในกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ความเสี่ยงของประเทศที่ลงทุน และความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน

กองทุนนี้มีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ในกรณีที่กองทุนไม่ได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุน หรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน / หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ / ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุนรวม SSF / RMF และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ หากลงทุนไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด อาจต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีและเสียเงินเพิ่ม