PHG เทรดวันแรกราคาดิ่ง 25.23% ทดสอบจุดต่ำสุดที่ราคา 15.70 บาท ผู้ถือหุ้นเดิมเทขายบิ๊กลอต 29.2 ล้านหุ้น ให้นักลงทุนรายใหญ่ 5 ราย ด้าน “ซีอีโอ” อยากให้มั่นใจการขายหุ้นออกไปครั้งนี้จะไม่กระทบกิจการ-โครงสร้างการจัดการ ลุยเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผน
วันที่ 6 กรกฎาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น บมจ.แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป (PHG) ซึ่งเป็นวันแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย พบว่าเปิดตลาดภาคเช้าด้วยราคา 19.80 บาท ปรับตัวลดลง 1.2 บาท หรือมีราคาลดลงต่ำกว่าราคาจองซื้อ 5.71% หรือจากราคาไอพีโอที่ 21 บาท และพบว่าเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบตลอดทาง โดยลงไปทำจุดต่ำสุดที่ระดับราคา 15.70 บาท ลดลง 5.3 บาท หรือลดลง 25.23% จากราคาไอพีโอ
- วิธีลงทะเบียนแอป ทางรัฐ ยืนยันตัวตน รับเงินดิจิทัล 10,000 บาท
- เปิด 20 อันดับโรงพยาบาลดีที่สุดในไทย ปี 2567
- ลุยตรวจย่านดัง กรุงเทพ-ปริมณฑล เอาผิดต่างชาติแย่งงานคนไทย
และอัพเดตล่าสุดช่วงปิดตลาดเย็นนี้ ราคาหุ้นปิดที่ 16.30 บาท ปรับตัวลดลง 4.7 บาท ลดลง -22.38% จากราคาไอพีโอ
ทั้งนี้ จากข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อเวลา 15.41 น. ตรวจพบการซื้อขายบิ๊กลอตด้วยวิธี Trade Report พบว่ามีการซื้อขายหุ้น PHG รวม 20 ราย จำนวน 30.34 ล้านหุ้น มูลค่ากว่า 637.16 ล้านบาท ที่ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 21 บาท
ด้าน บมจ.แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป แจ้งรายงานตลาดหลักทรัพย์ฯว่า มีหุ้นสามัญของผู้ถือหุ้นเดิมที่ไม่ติด Silent Period จำนวน 29.205 ล้านหุ้น สัดส่วน 9.74% ที่เป็นของ 1.นายกมลกฤช ตระกูลช่าง 2.นางสาวธนัญชภัสสร เศรษฐาตินันท์ 3.นางสาวจุฑาบงกช แย้มสอาด และ 4.แพทย์หญิงนลนภัส แย้มสอาด ซึ่งมีความประสงค์จะขายผ่านการซื้อขายหลักทรัพย์รายใหญ่ (Trade Report-Big Lot) ในตลาดหลักทรัพย์ฯในวันที่หุ้นสามัญเริ่มซื้อขายวันแรก
โดยเสนอขายต่อนักลงทุน 5 รายคือ 1.บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) 2.นางสาวสุดา อัศวโภคิน 3.นายสมยศ สกุลอิสริยาภรณ์ 4.บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) และ 5.บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ดาโอ จำกัด ในสัดส่วน 5%, 3.88%, 0.47% 0.33% และ 0.05% ของทุนจดทะเบียนหลัง IPO ตามลำดับ
ทั้งนี้ หากผู้ถือหุ้นเดิมขายหุ้นให้แก่นักลงทุน 5 รายนี้ไม่ครบตามจำนวนที่ระบุไว้ จำนวนหุ้นที่ไม่ได้ขายจะถูกจำกัดการขายภายในระยะเวลา 1 เดือน นับจากวันที่หุ้นสามัญเริ่มซื้อขายวันแรกโดยความสมัครใจ (Voluntary IPO Lockup)
นายรณชิต แย้มสอาด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PHG เปิดเผยว่า ไม่มีความกังวลในการขายหุ้นของกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมบางรายดังกล่าว เพราะการขายหุ้นของกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมบางรายนั้นไม่มีผลกระทบใด ๆ กับการดำเนินธุรกิจ และโครงสร้างการจัดการ แต่กลับสะท้อนให้เห็นถึงปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว ทำให้มีกลุ่มนักลงทุน รวมถึงนักลงทุนสถาบันดังกล่าวที่ให้ความเชื่อมั่นในการเข้ามาถือหุ้น PHG
ดังนั้น จึงอยากให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่น เพราะยังให้ความสำคัญในการดำรงไว้ซึ่งผลประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้นทุกกลุ่ม รวมถึงผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ให้ความเชื่อมั่นกับเราตลอดเวลาที่ผ่านมา และที่สำคัญภายหลังจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว บริษัทยังคงมีความมุ่งมั่นในแผนการขยายธุรกิจ และเสริมศักยภาพในการให้บริการทางการแพทย์ของเรา เพื่อให้ธุรกิจมีความแข็งแกร่งมากขึ้น สามารถสร้างการเติบโตของผลการดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต และเป็นการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป
โดยหลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนการใช้เงินภายหลังระดมทุน ได้แก่ โครงการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยใหม่ 1 และอาคารจอดรถภายในปี 2567 โครงการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยใหม่ที่ 2 ภายในปี 2569 เพื่อเป็นเงินทุนในการซื้อเครื่องมือ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ภายในปี 2567 เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมแก่สถาบันการเงินบางส่วนภายในปี 2566 และเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจภายในปี 2566
ซึ่งการเดินหน้าขยายธุรกิจดังกล่าว ถือว่าเป็นการต่อยอดพัฒนาศักยภาพทางการแพทย์ รองรับการให้บริการผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่ และบริการทางการแพทย์เฉพาะทางมากขึ้น เพื่อสร้างการเติบโตที่ต่อเนื่องและยั่งยืน และที่สำคัญคือการตอกย้ำการเป็นสถานพยาบาลเอกชนชั้นนำที่ให้บริการในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี และจังหวัดใกล้เคียง
