SET ลุ้นฟื้นตัวในเดือน พ.ย. และหุ้นน่าสนใจ

stock
คอลัมน์ : เติมความคิดพิชิตการลงทุน
ผู้เขียน :เอกภาวิน สุนทราภิชาติ
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์

สวัสดีครับ ท่านนักลงทุน SET ในเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ได้รับปัจจัยลบถาโถมโหมกระหน่ำ ทำดัชนีร่วงต่ำสุดในรอบ 3 ปี และเป็นอีกเดือนที่ตลาดหุ้นไทยปรับลงตลอดแทบทั้งเดือน กดดันจากทั้งปัจจัยลบในประเทศ หลังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กังวลเศรษฐกิจไทยระยะยาวจากปัญหาเชิงโครงสร้าง ทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงหลุด 37 บาท/ดอลลาร์

ขณะที่ bond yield พุ่งขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งนโยบาย digital wallet ที่เลื่อนไป เม.ย.-พ.ค. 2567 และปัจจัยลบต่างประเทศจากสงครามในตะวันออกกลางอาจมีผลทางอ้อมต่อการส่งออกยานยนต์และจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าไทย ส่งผลให้ดัชนีหลุด 1,400 จุด ต่ำสุดในรอบ 3 ปี

ทั้งนี้ ในเดือน ต.ค. นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเป็นเดือนที่ 9 ที่ระดับ 1.57 หมื่นล้านบาท จากเดือนก่อนหน้าที่ขายสุทธิ 2.20 หมื่นล้านบาท โดยในเดือน ต.ค. กระแส fund flow ไหลออกจากตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกแทบทุกตลาด กล่าวคือ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เวียดนาม ไต้หวัน และเกาหลีใต้ ราว 0.37, 0.41, 0.16, 0.46, 0.12, 4.41 และ 2.15 พันล้านเหรียญตามลำดับ

ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยไปแล้วกว่า 4.77 พันล้านเหรียญ รองจากไต้หวันที่ขายสุทธิไปกว่า 6.59 พันล้านเหรียญ ขณะที่เกาหลีใต้ยังมีสถานะเป็นซื้อสุทธิราว 4.16 พันล้านเหรียญ

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในเดือน พ.ย. มอง SET มีโอกาสฟื้นตัวได้บ้าง จากคาดแนวโน้มเศรษฐกิจของจีนจะฟื้นตัวและของสหรัฐที่ยังแข็งแกร่ง แต่คาด upside จะยังถูกจำกัด จากปัจจัยลบที่ต้องติดตาม ทั้งความรุนแรงในตะวันออกกลาง ความกังวลเงินเฟ้อและผลตอบแทนพันธบัตรที่สูง รวมถึงท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐที่ยังคงดอกเบี้ยสูงต่อเนื่อง

ขณะที่ปัจจัยในประเทศ ติดตามการประกาศผลการดำเนินงาน 3Q66 ของหุ้นกลุ่ม real sector ด้านแนวโน้มราคา มองกรอบล่างบริเวณ 1,356 จุด และ 1,343 จุด ตามลำดับ คาดมี downside จำกัด ด้วยภาวะ oversold ทางเทคนิค และมูลค่าทางพื้นฐานที่น่าสนใจ

โดย SET บริเวณ 1,350 จุดลงไป เทรดที่ P/E ระดับเพียง 13.5 เท่า ทำให้คาดดัชนีจะมีแรงซื้อกลับ บริเวณแนวรับดังกล่าว ส่วนกรอบบนที่คาดว่าดัชนีมีโอกาสฟื้นตัวได้ มองเป้าไว้ที่แนวต้าน 1,410 จุด และ 1,437 จุด ตามลำดับ

ด้านกลยุทธ์ลงทุน แนะนำ “selective buy” ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ดังนี้

1) CENTEL มอง 3Q66 คาดกำไรปกติเพิ่มขึ้น 33% QOQ และ 494% YOY โดยธุรกิจโรงแรมจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุน ซึ่งคาดว่า RevPar จะเติบโตขึ้น จากธุรกิจโรงแรมในไทยที่แข็งแกร่ง และคาดผลประกอบการดีต่อเนื่องใน 4Q66 (+YOY, +QOQ)

2) BCP มอง 3Q66 คาดกำไรเติบโต 86% YOY และ 902% QOQ แรงหนุนจากค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้นและกำไรสินค้าคงคลัง ขณะที่ valuation ยังไม่แพง โดยมี PER 66F ระดับ 5.3 เท่า และ PBV 0.8 เท่า (-1SD) อีกทั้งคาด Div. yield ปี 2566 น่าสนใจในระดับ 5.5%

3) CPALL คาดราคาหุ้นจะปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากการปฏิเสธข่าวว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อ BHX, กำไรปกติ 3Q66 ที่คาดเติบโต YOY ดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ และปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายที่ P/E ปี 2566 ระดับ 30 เท่า (-1S.D. จาก P/E เฉลี่ย 10 ปี)

4) BDMS หุ้นปลอดภัยภายใต้ภาวะตลาดที่ผันผวนสูง ขณะที่ราคาหุ้นปรับลงมาจนเข้าเขต oversold อีกทั้ง valuation ไม่แพง (PER และ PBV 66F ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) พื้นฐานยังคงแข็งแกร่งและกำไรมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น

5) AP มอง 3Q66 คาดกำไรสุทธิ +15.6% YOY และ +6% QOQ จากรายได้โครงการแนวราบที่แข็งแกร่ง และการโอนคอนโดฯใหม่ของ AP ขณะที่ backlog ที่แข็งแกร่ง จึงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 อยู่ที่ 6.2 พันล้านบาท (+6% YOY) ซึ่งเป็นระดับที่ทำจุดสูงสุดใหม่

แล้วพบกันใหม่ ในคอลัมน์ฉบับหน้า ด้วยรัก และหวังดี