เปิดเทคนิค ขอสินเชื่อ อย่างไรให้ผ่านง่ายดาย

บทความโดย "กิตติภัต แสงประดับ" 
CFP®,IP สมาคมนักวางแผนการเงินไทย

 

วันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 หลายคนอาจมีประสบการณ์ในการขอสินเชื่อจากธนาคาร มีทั้งสมหวัง และผิดหวัง จนมีข้อสงสัยว่า ทำไมการขอสินเชื่อถึงได้ยุ่งยากมากนัก เจ้าหน้าที่ธนาคารก็ตั้งคำถามมากมาย ทั้งเรื่องธุรกิจและเรื่องส่วนตัว อย่างไรก็ตามการพิจารณาให้สินเชื่อของธนาคาร จะมีหลักเกณฑ์การวิเคราะห์ เรียกว่า 5C3P หลักเกณฑ์การวิเคราะห์สินเชื่อด้วย 5C เป็นหลักเกณฑ์พื้นฐานเบื้องต้นที่จะใช้ในการวิเคราะห์ โดยใช้หลักในการดู

1.Character (บุคลิก อุปนิสัย และความตั้งใจจริงของผู้กู้)

จะพิจารณาจากภาพลักษณ์ที่บ่งบอกถึงบุคลิกลักษณะทั่วไป ประวัติการทำงานหรือหน้าที่การงาน ประสบการณ์ การใช้เงินกู้หรือการผ่อนชำระเดิม (ถ้ามี) บางครั้งอาจรวมถึงแนวคิดทางสังคม ซึ่งส่วนมากจะใช้ข้อมูลที่มาจากเครดิตบูโร เป็นสำคัญ

2.Capacity (ความสามารถในการทำกำไรและการชำระหนี้)

จะดูจากยอดขายหรือแหล่งที่มาของรายได้ เช่น เงินได้จากกิจการ หรือเงินเดือนประจำ ซึ่งจะต้องแสดงให้เห็นถึงความแน่นอนของรายได้ และความสามารถในการทำกำไร จากนั้นถึงเอามาดูกระแสเงินสดสุทธิคงเหลือว่ามีเพียงพอกับการผ่อนชำระหรือไม่

คำแนะนำตามหลักวิชาชีพของนักวางแผนการเงิน ไม่ควรเกิน 45% ของรายได้ ถึงจะแสดงให้เห็นว่ามีความสามารถในการผ่อนชำระหนี้คืน ข้อสังเกตรองลงไป หากผู้ขอกู้เป็นเจ้าของกิจการ จะต้องพิจารณาเพิ่มเติมถึง เป้าหมายของกิจการและ ศักยภาพในการแข่งขัน ในกลุ่มธุรกิจแบบเดียวกัน

3.Capital (เงินทุนของผู้ขอกู้เอง)

จะพิจารณาจากแหล่งเงินสำรอง หรือสินทรัพย์อื่น ๆ นอกเหนือจากที่ขอกู้ หากกู้เงินก็ต้องแสดงเงินทุนของตัวเองด้วย เช่น ต้องการกู้เงินเพื่อซื้อบ้านในโครงการมูลค่า 1 ล้านบาท ควรที่จะขอเงินกู้ที่ 7-8 แสนบาท

ส่วนที่เหลือควรจะเป็นเงินทุนของผู้ขอกู้เอง หรือหากจะขอกู้ในสัดส่วนที่มากกว่านี้ ก็ควรที่จะแสดงแหล่งเงินทุนหรือทรัพย์สินอื่นเข้ามาประกอบการพิจารณา

4.Collateral (หลักทรัพย์ค้ำประกัน)

หลักประกันเป็นเพียงการช่วยลดความเสี่ยงทางการเงิน เพื่อป้องกันหนี้มีปัญหาในอนาคต หรือการปล่อยสินเชื่อซ้ำในหลักประกันเดียวกัน สถาบันการเงินจะขอให้มีหลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำประกัน เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ โดยจะพิจารณาจากราคาประเมินที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง บุคคลหรือนิติบุคคลเป็นผู้ค้ำประกัน บางครั้งหลักประกันอาจจะหมายรวมถึงการโอนสิทธิรับเงินจากสัญญาจ้างงานเพื่อเป็นหลักประกันได้เช่นเดียวกัน

5.Condition (สภาวะแวดล้อมทางธุรกิจ)

วิเคราะห์ถึงภาวะเศรษฐกิจและการเงินที่เป็นภาพรวมของประเทศ รวมถึงแผนการป้องกันหรือลดความเสี่ยงด้วย โดยทั่วไปจะดูว่าสภาวะทางเศรษฐกิจและสังคมทั่วไปเป็นอย่างไร ทั้งในปัจจุบันและอนาคต

หลักเกณฑ์การวิเคราะห์สินเชื่อด้วย 3P จะใช้ในการวิเคราะห์ เพิ่มเติม ประกอบด้วย

1.Purpose (วัตถุประสงค์ในการกู้เงิน)

จะต้องบอกได้ว่าจะนำเงินกู้ไปทำอะไร เกี่ยวกับกิจการหรือไม่ หากเกี่ยวข้องกับกิจการจะช่วยให้กิจการมีกำไรมากขึ้นหรือไม่ วัตถุประสงค์ในการขอเงินกู้ควรเป็นสิ่งที่ดี ไม่ผิดกฎหมายหรือจารีตศีลธรรม และไม่มีความเสี่ยงที่สูงเกินไป

2.Payment (การชำระเงินกู้) เป็นหัวใจการพิจารณาให้สินเชื่อ เป็นการพิจารณาว่ามีความสามารถที่จะชำระหนี้คืน ภายในระยะเวลาที่กำหนด หากเกิดภาวะวิกฤตหรือเศรษฐกิจตกต่ำยังสามารถชำระคืนได้ตามกำหนดหรือไม่ โดยจะประมาณการสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จากพื้นฐานของข้อมูลในปัจจุบัน

3.Protection (การป้องกันความเสี่ยง) ต้องแสดงให้เห็นถึงมีแผนการป้องกันหากเกิดการผิดพลาดทั้งภายในและภายนอก เช่น มีความสามารถในการเพิ่มทุนหรือเพิ่มหลักประกัน หรือไม่หากเกิดภาระขาดทุนหรือรายได้ไม่เพียงพอติดต่อกัน

ซึ่งจะมองจากตัวผู้กู้เอง และมองถึงบุคคลภายนอกที่จะเข้ามารับผิดชอบหนี้สิน เมื่อทราบถึงหลักเกณฑ์ทั้ง 5C3P แล้ว ให้ลองนำไปวิเคราะห์ตนเองก่อนที่จะไปขอสินเชื่อธนาคารเพื่อหาแนวทางในการตอบคำถามที่ทางเจ้าหน้าที่จะถามเพื่อวิเคราะห์ทั้งสองหลักเกณฑ์ หากได้เตรียมตัวไว้ก่อนตามหลักเกณฑ์ทั้งสองก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากในการขอสินเชื่อ

อ้างอิง​:บทความรอบรู้ธุรกิจ ธนาคารกสิกรไทย, บทความการวิเคราะห์งบการเงินธนาคารพาณิชย์ ศูนย์ส่งเสริมการพัฒนาความรู้ตลาดทุน (TSI) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม