ส่อง 20 หุ้นเด่น รับแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท มีตัวไหนบ้าง

เทรนด์หุ้นไทย

ส่อง 20 หุ้นรับอานิสงส์นโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท หลังการประชุมมีความชัดเจนขึ้น กลุ่มค้าปลีก-อาหาร-ไฟแนนซ์-สินค้าอุปโภคบริโภค รับประโยชน์ 

วันที่ 11 เมษายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่วานนี้ (10 เม.ย. 67) คณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ในคราวประชุมครั้งที่ 3/2567 ได้เห็นชอบกรอบหลักการโครงการและได้ข้อสรุปรายละเอียดต่าง ๆ ที่มีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อตลาดหุ้นด้วย และมีหุ้นที่จะได้รับประโยชน์ในโครงการดังกล่าว

โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ระบุว่า วานนี้นายกรัฐมนตรี แถลงรายละเอียดความคืบหน้า Digital Wallet โดยมีรายละเอียดที่ควรทราบ ดังนี้ กลุ่มเป้าหมายในโครงการ คือ ประชาชนไทยจำนวน 50 ล้านคน อายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป เป็นผู้ที่มีเงินได้พึงประเมินเกิน 840,000 บาทต่อปีภาษี (70000 บาท/เดือน) หรือไม่มีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจรวมกันไม่เกิน 500,000 บาท

เงื่อนไขการใช้จ่าย คือ กลุ่มแรก ระหว่างประชาชนกับร้านค้า ใช้จ่ายเชิงพื้นที่ในระดับอำเภอ โดยกำหนดให้ใช้จ่ายกับร้านค้าขนาดเล็ก ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดเท่านั้น ในระยะเวลา 6 เดือน, กลุ่มที่สอง ระหว่างร้านค้ากับร้านค้า ไม่กำหนดเงื่อนไขการใช้จ่ายเชิงพื้นที่ระหว่างร้านค้ากับร้านค้าในระดับอำเภอ และขนาดของร้านค้า การใช้จ่ายเงินสามารถใช้จ่ายได้หลายรอบ

โดยใช้กับสินค้าได้ทุกประเภท ยกเว้นสินค้าอบายมุข, น้ำมัน, บริการ, ออนไลน์ และสินค้าที่กระทรวงพาณิชย์จะกำหนดเพิ่มเติม ส่วนช่วงเวลาการดำเนินโครงการ คือ ประชาชนและร้านค้าจะสามารถเข้าร่วมโครงการภายในไตรมาส 3/2567 และจะมีการเริ่มใช้จ่ายภายในไตรมาส 4/2567

สำหรับแหล่งเงินสนับสนุน จะใช้งบประมาณปี 2567 จำนวน 175,000 ล้านบาท ใช้งบประมาณปี 2568 จำนวน 152,700 ล้านบาท ใช้เงินผ่านหน่วยงานรัฐ คือ ธ.ก.ส. จำนวน 172,300 ล้านบาท ผ่านมาตรา 28

หุ้นกลุ่มอาหาร-ค้าปลีก ค้าส่ง

โดยรัฐบาลคาดจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ราว 1.2-1.6% ของ GDP ทั้งปี (Turnover 0.4-0.5 เท่า) และคาดหุ้นที่ได้ประโยชน์ คือ หุ้นกลุ่มอาหาร-ค้าปลีกและค้าส่ง อาทิ

  • CBG, ICHI, OSP,
  • TFG, BTG
  • CPAXT, BJC

ด้านนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ปลัดคลังแจงที่มาแหล่งเงิน “ดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท” จากงบฯปี 2567-2568 มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อ SET ลดความกังวลฐานะการเงินประเทศ (หากรัฐใช้ทางเลือกการออก พ.ร.บ.เงินกู้)

เน้นสะสมหุ้นค้าปลีก CPALL, CPAXT, BJC ที่ได้ประโยชน์จากการเดินหน้านโยบายดังกล่าว นอกจากนี้ กลุ่มหุ้น Technology จากโอกาสได้งานเพิ่ม จากการต่อยอดมาตรการดังกล่าวเข้ากับระบบธนาคาร และผู้ประกอบการภาคเอกชนต่าง ๆ เน้น BE8, BBIK เป็นต้น

ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า SET Index จากคาดการณ์ GDP ที่จะเพิ่มจากโครงการนี้ราว 1.2-1.6% ส่วนหุ้นที่จะได้รับประโยชน์ ได้แก่ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น OSP, CBG, ICHI, SAPPE, HTC และ SNNP กลุ่มค้าปลีก CPALL, CPAXT, BJC, CRC และเป็นบวกทางอ้อมต่อกลุ่มไฟแนนซ์ จากความสามารถในการจ่ายคืนหนี้ที่เพิ่มขึ้น เช่น SAWAD และ MTC เป็นต้น

ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ภาพรวมฝ่ายวิเคราะห์มองเป็นบวกต่อการบริโภค โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีก ไฟแนนซ์ อาหาร เครื่องดื่ม ชอบ CPALL, TIDLOR, NSL, KCG, TACC เป็นต้น